หากมีเพื่อนต่างชาติถามว่า “อาหารสตรีทฟู้ดที่เมืองไทย กินได้ไหม” ท่านจะตอบกลับไปด้วยความมั่นใจมากน้อยแค่ไหน
หากเป็นเรื่องรสชาติ แน่นอนว่าอาหารไทยอร่อย แถมราคาประหยัด แต่ถ้าถามว่าสะอาดปลอดภัยไหม... อาจจะต้อง “ดูเป็นบางร้าน”
แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า ณ วันนี้ ประเทศไทยมี “สตรีทฟู้ด” ที่ผ่านมาตรฐานอาหารปลอดภัย อร่อยไม่แพ้ชาติใดในโลก ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วถึง 227 จุดทั่วประเทศ จากการศึกษาของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล โดย ดร. วีรภาคย์ ซำศิริพงษ์ และคณะ พบว่า ย่านสตรีทฟู้ดที่ผ่านมาตรฐานเหล่านี้กระจายอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ และเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจระดับชุมชนและความมั่นคงทางอาหารของไทย
“ของดี” ที่เรามีอยู่แล้ว
ความจริงแล้ว ประเทศไทยมีโครงการ “อาหารสะอาด รสชาติอร่อย” (Clean Food Good Taste) ซึ่งกรมอนามัยได้พัฒนาขึ้นหลายสิบปีมาแล้ว ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับการยกย่องจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization: FAO) ว่าเป็นโครงการด้านความปลอดภัยทางอาหารที่ประสบความสำเร็จสูง และทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 20% ภายในปีแรกที่เข้าร่วม ปัจจุบันโครงการได้พัฒนาเป็น SAN (Sanitation, Accountability, Network) และ SAN Plus ที่ก้าวไปไกลกว่า “อาหารปลอดภัย” แต่ยังเชื่อมโยงมิติสุขภาพ โภชนาการ เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน โดยข้อมูลล่าสุดจากฐานข้อมูลระบบสุขาภิบาลอาหารของกรมอนามัย (ณ เดือนพฤศจิกายน 2568) พบว่า ประเทศไทยมี “แหล่งท่องเที่ยวสตรีทฟู้ด” ที่พร้อมให้บริการแล้วกว่า 227 จุดทั่วประเทศ โดยไม่ต้องลงทุนสร้างสถานประกอบการใหม่เลย
ทว่า “ย่าน” เหล่านี้อาจจะค่อยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำ ด้วยสาเหตุต่างๆ
• นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวด้านอาหารของไทยในปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับการลงทุนในสื่อ และการส่งเสริมร้านอาหารที่มีชื่อเสียง แต่อาหารสตรีทฟู้ดที่คนไทยบริโภคกันจริงทุกวัน ที่เป็นอาหารที่นักท่องเที่ยวต้องการสัมผัส ยังไม่ได้รับการส่งเสริมเท่าที่ควร
• การเหมารวมว่าอาหารสตรีทฟู้ด “สกปรกทุกที่” ซึ่งขัดแย้งกับความพยายามของหน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการ และผู้ประกอบการเองที่ได้พัฒนาและปฏิบัติตามมาตรฐานแล้ว ทำให้เกิด “ย่าน” สตรีทฟู้ดกว่า 227 จุดทั่วประเทศ แต่ย่านเหล่านี้ยังไม่ได้รับการสื่อสารหรือประชาสัมพันธ์อย่างจริงจัง
• การเหมารวมว่าอาหารสตรีทฟู้ด “ไม่ healthy” ทั้งที่หลายหน่วยงานได้พัฒนาสูตรการปรุงประกอบอาหารให้ดี มีคุณดั่ง “ยา” แต่อาหารกลุ่มดังกล่าวยังไม่เป็นภาพจำในใจเท่าที่ควร
ปลุก “ย่าน” และเศรษฐกิจฐานรากของไทยให้คึกคัก
การแข่งขันเพื่อเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารในภูมิภาคอาเซียนดำเนินไปอย่างเข้มข้น สิงคโปร์ลงทุนกว่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการพัฒนา Hawker Center 107 แห่ง ในขณะที่มาเลเซียจัดสรรสินเชื่อ วงเงินหลายสิบล้านริงกิต เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยนับหมื่นราย ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นและผู้ประกอบการมีเงินออมมากขึ้น
มองกลับมาที่ประเทศไทย ทั้งที่มีพร้อมทุกอย่าง และไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่กลับปล่อย “ย่าน” สตรีทฟู้ดที่เป็น “ของดี” ทิ้งไว้เฉยๆ ทั้งๆ ที่การยกระดับสตรีทฟู้ดไทยไม่ใช่แค่เพียงการส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่เป็นการลงทุนด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจฐานราก และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมไปพร้อมกัน หากเราสามารถทำให้ทุกจุดขายมีความสะอาด ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการที่ดี และสื่อสารเรื่องราวของท้องถิ่นได้ สตรีทฟู้ดไทยจะกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่แท้จริงของประเทศ ในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง
แล้วประเทศไทยจะก้าวต่อไปอย่างไรดี
จากการศึกษาของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ดำเนินการโดย ดร. วีรภาคย์ ซำศิริพงษ์ รศ. ดร. สิรินทร์ยา พูลเกิด และกษมา ยาโกะ พบว่า การมี “มาตรฐานกลาง” จะช่วยให้ประเทศไทยยกระดับสตรีทฟู้ดได้อย่างเป็นเอกภาพ ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากควบคู่กับส่งเสริมสุขภาพของประชากรไปพร้อมๆ กัน โดย “มาตรฐานกลาง” ดังกล่าวจะต้องครอบคลุม 3 มิติ คือ (1) ระบบการบริหารจัดการอาหารสตรีทฟู้ด และการออกแบบเมืองเพื่อความมั่นคงทางอาหาร (2) การยกระดับสถานประกอบการ และการผลิตและให้บริการอาหารสตรีทฟู้ดเพื่อความปลอดภัยทางอาหาร และ (3) การยกระดับวิชาชีพ และการผลิตและให้บริการอาหารสตรีทฟู้ดเพื่อโภชนาการและรสชาติที่ดี
การทำงานอย่างเป็นเอกภาพเพื่อพลิกฟื้นสตรีทฟู้ดของไทย เริ่มต้นได้จาก...
• นำ 227 จุดที่ผ่านมาตรฐานกรมอนามัยแล้วมาพัฒนาเป็น “จุดหมายปลายทางด้านอาหาร” ของเมือง โดยให้ท้องถิ่นจัดโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำสะอาด การจัดการน้ำเสียและขยะ ติดตั้งป้ายข้อมูลภาษาอังกฤษ และเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มท่องเที่ยว
• จัดระบบสนับสนุนผู้ประกอบการแบบครบวงจร ตั้งแต่การนำหาบเร่แผงลอยเข้าสู่ระบบ (formalization) การให้ความรู้ การมีพี่เลี้ยง ไปจนถึงการเปิดช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติตาม “มาตรฐานกลาง” การผลิตและให้บริการอาหารสตรีทฟู้ดที่ดีต่อสุขภาพได้ด้วยความมั่นใจและภาคภูมิใจ
ท้ายที่สุด คนทำงานสุขาภิบาล ทีมโภชนาการ อปท. และผู้ประกอบการสตรีทฟู้ดทั่วประเทศคือ “แนวหน้า” ที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้จริงในทุกๆ วัน หากเราเชื่อมโยงการทำงานเข้าด้วยกัน สตรีทฟู้ดไทยก็จะยืนหยัดบนบัลลังก์ระดับโลกได้ในแบบของเราเอง
ข้อมูลจากการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำมาตรฐานกลางการผลิตและให้บริการอาหารสตรีทฟู้ดที่ดีต่อสุขภาพและการนำมาตรฐานไปสู่การปฏิบัติในประเทศไทย โดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล โดยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และฐานข้อมูลระบบสุขาภิบาลอาหาร กรมอนามัย
ติดตามอ่านเกร็ดความรู้เกี่ยวกับอาหาร โภชนาการและสุขภาพก่อนใครได้ที่เพจ FoodME-Mahidol (https://www.facebook.com/FoodMEMahidol)








