ห้องอาหารบ้านพระยา ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ ฯ กับบทใหม่ ณ บ้านไม้เก่าแก่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พำนักของพระยามไหสวรรย์ และคุณหญิงเลื่อน มไหสวรรย์ สถานที่ซึ่งเคยเป็นที่ต้อนรับเหล่าชนชั้นสูงและแขกผู้มาเยือนจากต่างแดน เสน่ห์แห่งความอบอุ่น ความเอื้ออาทร และความหลงใหลในศิลปะอาหารไทยของทั้งสองท่าน ได้หล่อหลอมเอกลักษณ์ของบ้านหลังนี้ ส่งต่อความความงดงามของตำนานซึ่งยังคงอบอวลอยู่ในบ้านพระยาจวบจนปัจจุบัน
นำทีมโดย เชฟป้อม พัชรา พิระภาค เชฟผู้มีปรัชญาการทำอาหารที่สอดประสานกับจิตวิญญาณของบ้านพระยา ดุจเดียวกับคุณหญิงเลื่อนในอดีต เชฟป้อมเป็นที่รู้จักในด้านความประณีตพิถีพิถัน และความเข้าใจรสชาติของอาหารไทย เธอทำหน้าที่เสมือนผู้พิทักษ์วัฒนธรรมการทำอาหารไทย ถ่ายทอดเสน่ห์ของตำรับท้องถิ่นที่เลือนหายไปให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยมุมมองร่วมสมัย งานครัวของเธอยังคงยึดมั่นในวิถีดั้งเดิม ตั้งแต่การย่างด้วยถ่าน การโขลกเครื่องแกงด้วยครก จนถึงความวิจิตบรรจงของการทำขนมดอกจอก นำเสนอแต่ละจานอาหารด้วยความร่วมสมัยที่งดงาม และละเมียดละไม
เชฟป้อมรังสรรค์ทุกเมนูด้วยความสมดุลของรสชาติเป็นแก่นหลัก ใส่ใจรายละเอียดทั้งด้านรูปลักษณ์ กลิ่น รส และความรู้สึกที่ส่งต่อถึงแขก ผ่านเมนูสะท้อนอัตลักษณ์อันยืนยงของอาหารไทย ด้วยกลิ่นและรสชาติของสมุนไพร กับเทคนิคการปรุงที่เป็นเอกลักษณ์ และความประณีตของการเล่นรสเปรี้ยว เค็ม หวานอย่างกลมกล่อม
ความมุ่งมั่นของเชฟป้อมในการทำอาหาร เคียงคู่มากับแนวคิดด้านความยั่งยืนที่เธอยึดถือเป็นสำคัญ เชฟป้อมคัดสรรวัตถุดิบจากผู้ผลิตท้องถิ่นที่เชื่อถือได้จากทั่วประเทศไทย ตั้งแต่ดอยในจังหวัดเชียงใหม่ ไปจนถึงฟาร์มชุมชนขนาดเล็กในแต่ละจังหวัด รวมถึงบ้านพระยายังมีสวนออร์แกนิก ที่ปลูกผัก และสมุนไพร ซึ่งเชฟป้อมนำมาใช้ในบางเมนูเพื่อเพิ่มความรสชาติให้แต่ละจาน ตามปรัชญาของเธอเอง
หนึ่งในจานซิกเนเจอร์ของเชฟป้อมคือ ต้มข่า จานที่ถูกตีความอย่างประณีต เชฟนำปลาหมึกจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ยัดไส้ด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน ก่อนนำไปย่างด้วยถ่านอ่อน ๆ เสิฟกับซุปต้มข่ากลิ่นหอม ที่แทรกด้วยสมุนไพรจากสวนออร์แกนิกข้างบ้านพระยา
อีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ กุ้งแม่น้ำย่าง กุ้งแม่น้ำจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผ่าครึ่งย่างจนให้รสหวานฉ่ำตามธรรมชาติ เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มมะขามพริกรสเปรี้ยวกลมกล่อม และซอสมันกุ้งแบบเข้มข้น
บ้านพระยาแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติของเรือนหลังนี้เอง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารแห่งแรกของประเทศไทย จึงได้รับการตีความใหม่ให้เป็นพื้นที่ที่อบอุ่นใกล้ชิดกับงานครัวที่สร้างสรรค์ของเชฟป้อม สร้างความสัมพันธ์ระหว่างครัวของเธอ กับโต๊ะอาหาร ซึ่งเป็นใจหลักสำคัญของประสบการณ์การทานอาหาร ณ บ้านพระยา การตกแต่งด้วยรายละเอียดงานไม้ฉลุลายสุดประณีต องค์ประกอบสถาปัตยกรรมดั้งเดิม อ้างอิงผ่านดอกกล้วยไม้แวนด้า ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ที่ปรากฏในงานเขียนของพระยามไหสวรรย์เกี่ยวกับศิลปะของพฤกศาสตร์ไทย ช่วยชูมรดกของเรือนไทยหลังนี้ด้วยมุมมองร่วมสมัย ซึ่งส่งถึงแขกตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้าสู่บ้านพระยา
มื้อค่ำโดยเชฟป้อม ณ บ้านพระยา เริ่มต้นที่ชานของบ้าน โดยแขกจะได้รับการต้อนรับด้วย ม้าฮ่อ และ ขนมดอกจอก ม้าฮ่อผสานความเปรี้ยวของสับปะรดที่เชฟตีความออกมาเป็นแผ่นบางๆ เข้ากับไช้โป๊วหวานและถั่วลิสงคั่วเสิฟในหนึ่งคำ ส่วนขนมดอกจอกหอมด้วยกลิ่นจากส้มซ่า จับคู่กับมะขามและพริกเพื่อเพิ่มมิติของความกลมกล่อม หลังจากนั้น ใบเครือหมาน้อยสาหร่ายพวงองุ่น ของว่างชิ้นล้างปากเล็กๆ เสิร์ฟคู่กับคอมบูชาในโซนครัวเปิด ก่อนที่แขกจะถูกเชิญเข้าสู่ที่นั่งเพื่อเริ่มต้นมื้อค่ำ
บ้านพระยาต้อนรับแขกด้วยความอบอุ่นที่หล่อหลอมบ้านหลังนี้ไว้ ด้วยการบริการอย่างจริงใจ อาหารไทยที่ประณีต และขนบประเพณี สถานที่แห่งนี้คือพื้นที่ที่มรดกของอาหารไทยได้รับการรักษา งานฝีมือได้รับการยกย่อง และทุกมื้ออาหารเปิดโอกาสให้แขกได้ซึมซับรสชาติและความงดงามของวัฒนธรรมไทยอย่างแท้จริง
บริการความอร่อยมื้อค่ำ: 18.00 – 23.00 น. (สั่งอาหารได้ถึง 21.00 น.) วันศุกร์ – วันอังคาร สำรองความอร่อยก้อนใครได้ที่ 0 - 2659 - 9000 หรืออีเมล mobkk-baanphraya@mohg.com








