ปากกาขนนก /สกุล บุณยทัต
โลกแห่งสำนึก ณ วันนี้เต็มไปด้วยความสดใหม่มากมาย ปรากฏผ่านออกมาจากปฏิกิริยาแห่งชีวิตของทั้งหญิงทั้งชาย เป็นปณิธานที่ทั้งแปลกต่างและอหังการด้วยสำนึกคิด ที่กระตุ้นพลังผลักดันในหลายๆ สถานะต่อการฝึกฝนทักษะที่จะทำให้เราทุกคนได้สนุกกับการเรียนรู้อีกครั้ง ไม่ว่าจะตกอยู่ในวัยใดของชีวิตก็ตาม โดยผ่านคำถามที่ต้องเน้นย้ำถึงคำตอบเหล่านี้ให้ได้ว่า เราจะเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างไร? ด้วยวิธีไหนที่จะมีประสิทธิภาพที่สุด?
อีกทั้งจะทำอย่างไรดีที่จะให้การเรียนรู้กลายเป็นเรื่องสนุก แม้ว่าเราจะไม่ใช่เด็กแล้วก็ตาม!! สาระความคิดอันมีคุณค่า เบื้องต้นคือรากเหง้าของ "หนังสือแห่งจิตปัญญา" ที่สามารถทำให้เราทุกคนสามารถมองข้อจำกัดของตัวเองอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
Beginners / "วิทยาศาสตร์ของการเรียนรู้สิ่งใหม่" คือหนังสือเล่มนั้น ซึ่งเขียนโดย นักวารสารศาสตร์และบล็อกเกเกอร์ชื่อดัง "Tom Vanderbilt" ผู้เคยมีผลงานเขียนติดอันดับหนังสือขายดีของหนังสือพิมพ์ "เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์" มาแล้ว
จุดสำคัญแห่งการเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาของ "ทอม" ก็คือ มันไม่ได้เป็นเพียงการปลดล็อคความสามารถบางอย่างที่ซ่อนอยู่ แต่มันคือการเน้นย้ำว่า อย่างน้อยทักษะต่างๆ ที่ "ทอม" ได้ลองทำมาในชีวิต ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างชีวิตของเขาไปอย่างขนานใหญ่
"ผมชอบในสิ่งที่ผมทำและอยากทำสิ่งเหล่านั้นต่อไป ตราบเท่าที่ยังทำได้" ทั้งตัวของ "ทอม" และคนรอบตัว ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นนักร้องหรือศิลปินผู้ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากศักยภาพที่ถูกซ่อนเอาไว้
"ผมแค่อยากเริ่มต้นทำบางสิ่งบางอย่าง แล้วดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น รวมถึงอนุญาตให้ตัวเองได้สนุกไปเรื่อยๆ แบบที่พ่อแม่คอยเตือนลูกๆอยู่เสมอว่า มันเป็นสิ่งที่ลูกๆ จำเป็นต้องทำ ผมอยากให้ลูกสาวของผมได้เห็นผมต่อสู้และเติบโต.."
นอกจากแค่อยากทำสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น "ทอม" ยังหวังว่าจะปลุกความปรารถนาในการเรียนรู้ขึ้นมาอีกครั้ง และแล้วเขาก็ได้ค้นพบอย่างรวดเร็วว่า "การได้ทดลองทำสิ่งใหม่ๆ อาจกระตุ้นให้คนอื่น อยากจะทำบ้าง!"
"ทอม" ได้ใช้แบบอย่างแห่งภาวะชีวิตของ "เด็กทารก" เป็นแบบอย่างและตัวอย่างสำคัญในการใช้ชีวิตอันมีรากฐานที่ดีของตนเอง เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและมั่นใจ...
"ทารกใช้ชีวิตโดยยึดหลักความเชื่อของผู้เริ่มต้น นั่นก็คือ ถ้าไม่เรียนรู้ที่จะล้มเหลว คุณก็จะล้มเหลวที่จะเรียนรู้"
เหตุนี้ ในฐานะที่เราเป็นผู้เริ่มต้นเหมือนเด็กทารก เราจึงสามารถนำบทเรียนสำคัญบางอย่างจากพวกเขาไปใช้ได้ เพราะเราทุกคนต่างเป็นทารกมาก่อน ดังนั้นก่อนที่จะไปสำรวจโลกของผู้ใหญ่ที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เราก็ควรจะพิจารณาสิ่งต่างๆ เหล่านี้เสียก่อน!
เราต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้ให้ดีขึ้น หนึ่งในการค้นพบที่สำคัญทางวิทยาศาสตร์การเรียนรู้ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ก็คือการเรียนรู้ว่า สารพัดทักษะนั้นมีประโยชน์...เพราะแทนที่จะมุ่งเรียนรู้ทักษะเดียวด้วยวิธีเดิมๆ เป็นเวลานาน ซึ่งเราก็มักจะทำได้แย่ในช่วงของการฝึก แต่เราก็สามารถจะทำให้ดีขึ้นในระยะยาว เนื่องจากเราต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อจดจำ...ในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน รวมถึงวิธีรับมือกับการเรียนรู้เหล่านั้น ซึ่งจะทำให้เราสามารถทำทักษะเหล่านั้นให้ดีขึ้น!
เด็กทารกก็จะนำแนวทางเช่นนี้ไปใช้ในตอนที่เรียนรู้วิธีเดิน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แทนที่จะเดินเป็นเส้นตรงซ้ำๆ พวกเขาจะเดินอย่างไร้แบบแผน โดยเดินๆ หยุดไปบนพื้นผิวและในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันสารพัด แถมแบบแผนและความเร็วในการเดินไม่เหมือนกันเลย เรียกได้ว่าพวกเขาไม่เคยเดินแบบเดียวกันซ้ำสองครั้ง
"ทอม" ได้ระบุว่า ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว เราไม่ควรสอนให้เด็กทารกเดินด้วยวิธีที่เหมาะสมเพียงวิธีเดียว ซึ่งพวกเขาจะต้องทำเหมือนเดิมเป๊ะๆ ทั้งๆ ที่เมื่อเป็นการเรียนรู้ "ความหลากหลาย คือหัวใจสำคัญ"
การที่ผู้เริ่มต้นฝึกฝนทักษะหนึ่งๆ อย่างงุ่มง่าม และ ไร้แบบแผนและความเร็วในการเดิน อาจหมายความว่า พวกเขากำลังสำรวจสารพัดทางออกที่เป็นไปได้ ซึ่งดูจะส่งเสริมทำให้พวกเขา เรียนรู้ได้เร็วยิ่งขึ้น!
แต่ก็ว่ากันว่า ความล้มเหลวเป็นส่วนของการเรียนรู้ เรามีแนวโน้มที่จะจดจำแต่ความสำเร็จในด้านพัฒนาการ เช่น วันที่เด็กทารกเริ่มเดินเป็นวันแรก แล้วหลงลืมความล้มเหลวมากมายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น เด็กๆ จะเรียนรู้ได้ดีที่สุด ตอนเข้าใกล้ขีดจำกัดในระดับทักษะในปัจจุบันของตัวเอง และเมื่ออยู่ในพื้นที่รอยต่อของพัฒนาการ ระหว่างสิ่งที่ทำได้และสิ่งที่พยายามทำ เด็กๆ จะมองหาความช่วยเหลือ...
"จงจำไว้ว่า ถ้ารู้สึกว่าสิ่งใดง่ายเกินไป คุณอาจไม่ได้กำลังเรียนรู้อยู่!"
ทักษะในการเรียนรู้นั้น ช่วยเปิดประตูสู่โลกใบใหม่...เด็กทารกที่กำลังหัดเดินสามารถไปยังสถานที่และทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว "นี่คือบทเรียน ที่เราควรยึดถือไว้ตลอดชีวิต!"
ประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่ง ที่ "ทอม" ได้อรรถาธิบายเอาไว้อย่างน่าสนใจก็คือประเด็นที่ระบุถึง การที่นักมนุษยวิทยาได้ชี้ว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ อาศัยการผลัดกันทำความสะอาดร่างกายเพื่อสร้างความผูกพันทางสังคมและหลั่งเอ็นดอร์ฟิน แต่มนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่เกินกว่าที่จะเอาใจใส่ในกันและกันในระดับนั้นได้ เราจึงต้องอาศัยวิธีอื่นๆ เช่น การร้องเพลง และ การสร้างเสียงดนตรีร่วมกัน ซึ่งเป็นภาษาดั้งเดิมของเรา!
และ เมื่อพูดถึงเรื่องของ "ปรากฏการณ์ละลายพฤติกรรม (Ice-breaker effect)" นักวิจัยกลุ่มหนึ่งก็ได้พบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับกิจกรรมยามว่างทางสังคมอื่นๆ กลุ่มคนที่เพิ่งรวมตัวกันเพื่อร้องเพลงนั้นสามารถ "สร้างความผูกพันทางสังคมได้เร็วมากกว่า"
เหตุผลหนึ่งก็คือ การทำอะไรพร้อมๆ กัน การทำสิ่งต่างๆ ด้วยกัน ในเวลาและจังหวะเดียวกันจนสำเร็จนั้น เป็นตัวกระตุ้นต่อการเอื้อสังคมอันทรงพลัง แน่นอนว่า ก็ช่วยส่งเสริมการสร้างความผูกพันของสังคมได้
"ทอม" เชื่อว่า การร้องประสานเสียงซึ่งเกิดจากการที่ผู้คนร่วมแรงร่วมใจกัน หายใจด้วยกัน สอดประสานกันอย่างแท้จริง และถึงขั้นหัวใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกันนั้น ดูจะช่วยสร้างความผูกพันทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นพิเศษ!
ซึ่งในการศึกษาอันโด่งดัง นักสังคมวิทยา "โรเบิร์ต พัตนัม" ได้สำรวจว่า ทำไมการปกครองส่วนภูมิภาคในบางพื้นที่ของอิตาลี ถึงดูทำงานได้ดีกว่าส่วนอื่นมาก ซึ่งก็ปรากฏปัจจัยที่น่าจะเดาว่ามีอิทธิพลกลับมีอิทธิพลจริงๆ แค่ไม่กี่อย่าง เช่น การเมืองระบบพรรคและระดับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แต่เหตุผลที่สำคัญจริงก็คือ "ธรรมเนียมการมีส่วนร่วมของพลเมือง" ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเป็นสมาชิก "นักร้องเพลงประสานเสียง" ซึ่ง "ทอม" ได้บอกว่า การร้องเพลงประสานเสียง "เป็นการแก้ปัญหาต่างๆ ในโลกได้อย่างน่าอัศจรรย์!"
Beginners ถือเป็นหนังสือที่สำรวจถึงแง่มุมทางวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยา เพื่อนำพาให้มนุษย์เราทุกคนก้าวผ่านทั้งความกลัว และ ความงุ่มง่ามของการเป็น "มือใหม่" ไปสู่จุดที่ความท้าทายกลายเป็นเรื่องสนุกอีกครั้ง รวมทั้งเป็นการมอบความหมายให้กับชีวิตในแบบที่ทุกคนก็คิดไม่ถึง!
ซึ่งก็นับเป็นหนังสือในไม่กี่เล่ม ที่สามารถทำให้คนเรามองเห็นขีดจำกัดของตัวเองว่าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป! มันเป็นมากกว่า การเรียนรู้สิ่งใหม่ มันคือการค้นพบ "ความเป็นไปได้" ในทุกวันที่ชอบ...อยู่ในตัวเรา!
"หากเราเรียนรู้ เราจะมีความสุข" มันจะเกิดจากการเรียนรู้ในทุกๆ สิ่ง ซึ่งมันจะทำให้สมองยืดหยุ่น เกิดความสุข และ กล้าที่จะก้าวออกจาก "Comfort Zone" ที่สำคัญ ผม "ทอม" ได้พาเรา ย้อนกลับไปเป็นผู้เริ่มต้นอีกครั้ง ด้วยการเรียนรู้ทุกสิ่งตั้งแต่ศูนย์ ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง วาดภาพ เล่นหมากรุก ฯลฯ...
จุดเด่นของข้อเสนอแนะแห่งหนังสือเล่มนี้ จึงคือ การไม่เน้น "เก่ง-เร็ว" แต่เน้นการเรียนรู้อย่างมีความสุขตามที่ได้กล่าวมา!
"ขอเพียงแค่ กล้าเริ่มต้น ทุกสิ่งสามารถเรียนรู้ใหม่ได้เสมอ" ดังเช่น บทสรุปในโลกของหมากรุก ที่ครั้งหนึ่ง "บ๊อบบี้ ฟิชเชอร์" แชมป์โลกผู้คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ ได้เคยกล่าวไว้ว่า "ผมชอบช่วงเวลาที่ได้ทำลายความทะนงตนของใครสักคน" เขามองไปที่คู่แข่ง พลางสงสัยว่า อุบายและแววตาที่ดูเหมือนเย้ยหยันของเขานั้น จะกัดกร่อนตัวตนของเขาอย่างช้าได้หรือไม่?
"จิตสังหารที่โหดร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นเรื่องส่วนตัว และน่าสะพรึงกลัว"
"สุธิดา พัฒนศรีวิเชียร" แปลและถอดความนัยของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้อย่างสนุกในความคิด และ เข้าใจอย่างดีในสาระ เนื้อหาที่ได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ที่เร้นซ่อนอยู่ในโลกใบนี้และความเป็นตัวตนของเรา...
เมื่อประโยชน์ของการเรียนรู้สิ่งใหม่ เป็นสิ่งที่ควรจะหนักแน่น และควรเรียนรู้เพื่อแสวงหาข้อประจักษ์ในทุกวันนี้ "การเริ่มต้นใดๆ ก็ตาม จึงจำเป็นต้องแสวงหาเหตุแห่งผลของการเรียนรู้ชั่วชีวิต บทพิสูจน์แห่งปมเงื่อนใดๆ ก็ตาม คือการแสวงหาคำตอบอันจริงแท้ โดยไม่จบสิ้น เฝ้ามอง และ ปฏิบัติเพื่อชีวิตที่เป็นชีวิตเสมอ!"
เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก็เหมือนกับการกระโดดออกจากเรือรักษาความปลอดภัย ลงไปในมหาสมุทรที่ไม่สามารถคาดเดาความลึกได้...








