การเมืองทั่วไป

คณะรวมพลังแผ่นดินออกแถลงการณ์ถึง “ทรัมป์” เรียกร้องยึดหลักทวิภาคี-เคารพอธิปไตยไทย ปมความขัดแย้งไทย–กัมพูชา

แชร์ข่าว

แถลงการณ์ "รวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย"

​นายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ข้าพเจ้าประชาชนคนไทยในนาม "คณะรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย" ขอกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทย-อเมริกา ที่เริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2376 ถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 192 ปี ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่มีลักษณะไม่เสมอภาค บนพื้นฐานอเมริกาใช้อำนาจที่เหนือกว่าแสดงออกด้วยการกดดันเชิงบีบบังคับ แทรกแซงการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ ความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ภายใต้สนธิสัญญา บันทึกข้อตกลง ที่หลากหลาย และหลายครั้งที่อเมริกานำประเทศไทยเข้าสู่สงครามที่ประเทศไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งทางลับและเปิดเผย ไม่ว่าสงครามเวียดนาม ลาว กัมพูชา เกาหลี ติมอร์ อิรัก เพื่อผลประโยชน์ของอเมริกา ขณะเดียวกันเมื่อประเทศไทยต้องเผชิญภัยจากสงครามอันเป็นผลเชื่อมโยงมาจากการกระทำของอเมริกา อเมริกาก็ทอดทิ้ง ไม่ให้ความช่วยเหลือใด ๆ หลายครั้ง เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ประชาชนคนไทยยังคงไม่ลืมเลือน

​อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 192 ปี ประเทศไทยยังคงดำรงความเป็นมิตรที่ดียิ่ง ไม่เคย ละทิ้งความสัมพันธ์ที่มีต่ออเมริกา เฉกเช่นที่ประเทศไทยเป็นมิตรที่ดีกับนานาประเทศอย่างเสมอภาค เท่าเทียม

​ประชาชนคนไทย ในนาม คณะรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย ขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าประเทศไทยมิใช่ฝ่ายที่ริเริ่มการสู้รบ และไม่ได้เป็นผู้ยั่วยุให้เกิดการสู้รบ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 กองทัพกัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีเข้ามาในดินแดนไทยก่อนโดยปราศจากการเตือนล่วงหน้าใด ๆ โดยใช้อาวุธหนัก รวมถึงปืนใหญ่และเครื่องยิงจรวด เช่น BM-12 Grad การยิงถล่มดังกล่าวเป็นการยิงแบบไม่เลือกเป้าหมาย และคร่าชีวิตประชาชนพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ทำลายบ้านเรือนที่อยู่อาศัย และ ทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสเป็นจำนวนมาก ทั้งที่เป็นประชาชนและบ้านเรือนที่อยู่อาศัยที่ถูกทำลายไป เช่น ร้านสะดวกซื้อ โรงเรียน ปั๊มน้ำมัน นั้น หาใช่เป้าหมายทางทหารแต่อย่างใดทั้งสิ้น ส่งผลให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต และเสียขวัญอย่างหนัก และที่ร้ายแรงกว่านั้นคือ กองทัพกัมพูชาได้ละเมิดอนุสัญญาออตตาวาว่าด้วยการห้ามวางทุ่นระเบิด โดยทหารกัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดไว้จำนวนมากตลอดระยะทาง 800 กิโลเมตร ที่เป็นชายแดนไทยกัมพูชา และก็ยังลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดในเขตแดนไทยอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ และเป็นเหตุให้ทหารลาดตระเวนและประชาชนคนธรรมดาเสียชีวิต แขนขาขาด และบาดเจ็บตลอดมา การโจมตีของกัมพูชาอย่างต่อเนื่องทำให้ชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ชายแดนต้องพลิกผันอย่างเลวร้าย พวกเขาต้องย้ายเข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ซึ่งเป็นความยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่ต้องเผชิญปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เด็ก ๆ ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ เกษตรกรไม่สามารถทำไร่นาในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว พวกเขาต้องมีชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวต่ออันตรายที่มีต่อชีวิตของตนเอง ครอบครัว และคนที่รัก นี่คือความเจ็บปวดทรมานที่พวกเขาไม่สมควรได้รับเลย

​หลักฐานที่บันทึกไว้อย่างละเอียด ครอบคลุม และเป็นกลาง โดยคณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติ ชี้ชัดเจนว่า ไทยไม่ใช่เป็นผู้รุกราน และไม่ได้มีผลประโยชน์ใด ๆ จากการปะทะครั้งนี้ และประเทศไทยพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะเจรจาสันติภาพกับกัมพูชาภายใต้กรอบทวิภาคีที่มีอยู่ แต่ก็เป็นที่ประจักษ์ว่ากัมพูชาไม่เคยมีความปรารถนาอย่างแท้จริงหรือความจริงใจที่จะให้ความขัดแย้งนี้ยุติลง สาเหตุที่ประเมินได้มีอยู่ 2 ประการ คือ (1) การปะทะบริเวณชายแดนกับไทยเป็นไปเพื่อเอื้อต่อเจตนารมณ์ทางการเมืองภายใน ผลประโยชน์ส่วนตัว และวาระซ่อนเร้นของ นายฮุน เซน ผู้นำสูงสุดตลอดกาลของกัมพูชาเท่านั้น โดยที่นายฮุน เซน ตระหนักดีว่าบุตรชายของเขา ซึ่งก็คือนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของกัมพูชา ไม่สามารถควบคุมเสียงสนับสนุนจากสาธารณชนที่จำเป็นเพียงพอที่จะธำรงไว้ซึ่งการสืบต่ออำนาจทางการเมืองของตนได้ และแน่นอนเครื่องมือที่ได้ผลและมีประสิทธิภาพเสมอในการระดมเสียงสนับสนุนทางการเมืองภายในประเทศ คือ การสร้างสถานการณ์ให้ประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทยให้เป็น "ปีศาจในเรื่องเล่าปรัมปรา" เพื่อใช้สำหรับหลอกเด็กให้อยู่ในโอวาท เพื่อปั่นให้ประชาชนเกิดความคลั่งชาติ และพร้อมใจกันสนับสนุนผู้นำของตนโดยไม่มีเหตุผลอื่นใดอันสมควรนอกเหนือจากนั้นเลย (2) สาเหตุอีกประการคือ ความพยายามของนายฮุน เซน ที่จะปกป้องแหล่งรายได้หลักของเขาจากธุรกิจสีเทาที่ผุดขึ้นมาในกัมพูชาตามตะเข็บชายแดนกับไทยเป็นจำนวนมาก และเป็นศูนย์กลางของอาชญากรรมข้ามชาติที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วยิ่ง และมีผลกระทบร้ายแรงด้วยการหลอกลวงเหยื่อผู้บริสุทธิ์จำนวนมหาศาลทั่วโลกให้เสียทั้งอิสรภาพ ทรัพย์สิน และแม้แต่ชีวิต ผู้นำกัมพูชามองว่าการเรียกร้องของกองทัพไทยที่จะให้ปิดพรมแดน จะเป็นการตัดช่องทางการหล่อเลี้ยงธุรกิจของศูนย์อาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ ซึ่งหมายถึงการเป็นภัยคุกคามต่ออู่ข้าวอู่น้ำของผู้นำกัมพูชาและญาติพี่น้อง รวมทั้งเครือข่ายของผู้นำเอง

​นายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ประชาชนคนไทยเข้าใจถึงเจตนาดีและมองเห็นถึงเจตนาแฝงของท่าน เราเห็นว่าสันติภาพที่แท้จริงต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง ความยุติธรรม และมีกลไกบังคับที่เกิดผลในทางปฏิบัติเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง ไม่ถูกกำหนดด้วยอำนาจผลประโยชน์ของอเมริกา ไม่ถูกบังคับด้วยมาตรการทางภาษี และข้อผูกพันที่เราไม่มีสิทธิ์เลือก ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอย่างอิสระ เพื่อประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศไทยเช่นที่เคยเกิดขึ้นแล้ว เราเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ที่มีมายาวนาน นายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ จะไม่อาศัยสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ขยายผลเพื่อใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ ทั้งทางบกและทางทะเล ตอบสนองความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอเมริกากับจีน ไม่นำพาประเทศไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสงครามภูมิภาคที่อเมริกาจะก่อขึ้น ไม่แสวงหาโอกาสเข้ามาจัดตั้งฐานทัพ หรือส่งกำลังทหารเข้ามาประจำการในราชอาณาจักรไทย และประการสำคัญ ต้องไม่ทำให้ประเทศไทยสูญเสียอำนาจอธิปไตยเขตแดน ทั้งทางบก ทางทะเล เหมือนที่เราสูญเสียทางเลือกในการบริหารจัดการแร่ธาตุสำคัญมูลค่าสูง เมื่อครั้งที่ นายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ มาทำหน้าที่ตัวการใหญ่สั่งการจัดฉากด้วยตนเองมาตั้งแต่เริ่มต้น

​คณะรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย เชื่อมั่นว่าแถลงการณ์ของเราได้สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของประชาชนคนไทยที่มีต่อความสัมพันธ์ไทย-อเมริกา และสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา รวมถึงการเข้ามาเกี่ยวข้องของ นายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ดังนั้น เพื่อแสดงออกยืนยันถึงเจตนาดีของ นายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ที่มีต่อราชอาณาจักรไทย คณะรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย จึงขอเรียกร้องต่อ นายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ด้วยความดังต่อไปนี้

​1. สนับสนุนการแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ในลักษณะทวิภาคี

​2. ไม่แสวงหาโอกาสในการแทรกแซงสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ของอเมริกา รวมทั้งการจัดตั้งฐานทัพ พร้อมอาวุธและกองกำลัง ในประเทศไทยและกัมพูชา

​3. ตัดความสัมพันธ์อเมริกา-กัมพูชา และประกาศคว่ำบาตรกัมพูชา ในฐานะประเทศที่อเมริกาได้ประกาศต่อสาธารณชนทั่วโลกว่า กัมพูชาเป็นประเทศศูนย์กลางอาชญากรรมสแกมเมอร์ข้ามชาติ เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อมนุษยชาติทั่วโลก ต้องกระทำต่อกัมพูชามากกว่าการยึดทรัพย์สิน

​4. ระงับการจัดหาและสั่งอาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งทางลับและเปิดเผยให้กัมพูชา

​5. ยุติการดำเนินการสนับสนุน ส่งข้อมูลข่าวกรองด้านการปฏิบัติการทางทหารและความมั่นคงของไทยให้แก่กัมพูชา

​6. ยุติการกดดันบีบบังคับด้วยการชะลอและสร้างอุปสรรคต่อการใช้การเสริมกำลังบำรุงด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยี เพื่อให้ประเทศไทยยอมจำนนต่อข้อตกลงหยุดยิงและข้อตกลงสันติภาพที่ไม่เป็นธรรมและไม่เป็นจริง

​7. ยุติการซ้อมรบระหว่างอเมริกา-กัมพูชา

​8. ยุติการซ้อมรบคอบร้าโกลด์ และการซ้อมรบอื่น ๆ ระหว่างไทย-อเมริกา เพื่อไม่สร้างความกังวลต่อมิตรประเทศของไทย ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

​9. ในนามประชาชนคนไทย เราไม่เห็นด้วยต่อการซ้อมรบกองกำลังร่วมภายใต้บันทึกข้อตกลงอินโด-แปซิฟิค และขอเรียกร้องให้ยกเลิกบันทึกข้อตกลงอินโด-แปซิฟิก ระหว่างไทย-อเมริกา

​10. ในนามประชาชนคนไทย เราต้องการยกเลิกบันทึกข้อตกลงแร่แรร์เอิร์ธ ระหว่าง ไทย-อเมริกา ซึ่งเป็นข้อตกลงผูกขาด จำกัดทางเลือก ไม่เป็นธรรมต่อประเทศไทย

​11. นายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ในฐานะผู้เสนอตัวเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยและเป็น สักขีพยานในการหยุดยิง และข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ ต้องแสดงตนเป็นกลางอย่างแท้จริง ไม่ปกป้องกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มก่อสงครามละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและข้อตกลงสันติภาพแต่ฝ่ายเดียว

​ด้วยความสัมพันธ์ฉันมิตรที่ยาวนาน เรามีความคาดหวังอย่างยิ่งว่า นายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ จะได้พิจารณาดำเนินการปฏิบัติตามข้อเรียกร้องให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยไม่ล่าช้า คณะรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย ยืนยันหนักแน่นว่าประเทศไทยมีความเป็นกลาง มีความเป็นมิตรกับทุกประเทศอย่างเสมอภาค และเพื่อปกป้องผลประโยชน์รวมทั้งอำนาจอธิปไตยเขตแดนของราชอาณาจักรไทย พวกเราจะไม่อยู่เฉยและไม่เงียบอีกต่อไป พร้อมทั้งจะยืนยันเพื่อให้ได้มาซึ่งสันติภาพที่แท้จริงบนพื้นฐานความยุติธรรม และจะไม่ยอมให้ชีวิตผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องถูกลืม

รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

เอกราชจะไม่ยอมให้ใครข่มขี่

คณะรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย

วันเสาร์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๘

ณ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา

กรุงเทพมหานคร

แชร์ข่าว