ดนตรี / รุ่งฟ้า ลิ้มหัสนัยกุล
อาจไม่มีชื่อเสียงโด่งดังมากมายเหมือนศิลปินอีกหลายคน แต่นักร้อง/นักแต่งเพลงบลูส์-ร็อค/ป๊อป จากเมืองมิดเดิลส์โบรห์ (Middlesbrough) คนนี้ กลับได้รับการยอมรับนับถืออย่างสูง ทั้งจากคนดนตรีด้วยกัน นักวิจารณ์ และคนฟังเพลง ดังจะเห็นได้จากข้อความไว้อาลัยที่เต็มหน้าฟีดโซเชียลมีเดียในวันที่เขาเสียชีวิต ซึ่งสร้างความตกใจแก่แฟนเพลงอย่างยิ่ง (22 ธันวาคม 2025) เพราะเขาเพิ่งจะมีอัลบั้ม The Christmas Album ออกมาต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้เอง
คริสโตเฟอร์ แอนทอน เรีย (Christopher Anton Rea) เกิดในครอบครัวชาวอิตาเลียน-ไอริช เมื่อปี 1951 ที่เมืองมิดเดิลส์โบรห์ ประเทศอังกฤษ ในช่วงวัยรุ่นเขามีความหลงใหลในการขับรถอย่างยิ่ง ซึ่งความชอบนี้ได้สะท้อนและซ่อนอยู่ในบทเพลงของเขาในเวลาต่อมา หลังจากนั้นเขาตัดสินใจซื้อกีตาร์ให้ตัวเอง และฝึกฝนการเล่นกับบทเพลงเดลตาบลูส์ (Delta Blues) ชั้นยอด ในตอนนั้นเขามีอายุได้ 21 ปี ซึ่งถือว่าเริ่มต้นช้ากว่าศิลปินหลายๆ คนที่มักจะเริ่มจับกีตาร์มาตั้งแต่เด็ก
เรีย เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า อันที่จริงเขาควรจะรับมรดกกิจการร้านและโรงงานไอศกรีมของพ่อ “แต่ผมกลับใช้เวลาทั้งวันขลุกอยู่กับการสไลด์กีตาร์ในห้องเก็บของ”
ปี 1978 เขาเปิดตัวด้วยอัลบั้มแรก Whatever Happened to Benny Santini? มีเพลงฮิตอย่าง “Fool (If You Think It’s Over)” ซึ่งติดอันดับ 12 ในชาร์ตบิลบอร์ด (Billboard) ของอเมริกา ซึ่งสูงกว่าอันดับในบ้านเกิด (อันดับ 17) เสียอีก ความสำเร็จของเพลงนี้ส่งผลให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี (Grammy Awards) สาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในปีถัดมา แม้จะไม่ได้รางวัล แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็ได้จารึกชื่อของตัวเองไว้ในโลกดนตรีอย่างสง่างาม
หลังจากนั้น เขามีอัลบั้มตามมาอย่างต่อเนื่องอีก 6 ชุด ก่อนจะเริ่มประสบความสำเร็จอย่างจริงจังกับอัลบั้ม On the Beach ในอีกแปดปีถัดมานับแต่เปิดตัว โดยมีเพลง “Driving Home for Christmas” เป็นเพลงในใจของใครหลายคน และก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดกับอัลบั้ม The Road to Hell ในอีกสามปีต่อมา ซึ่งขึ้นไปติดอันดับ 1 ในสหราชอาณาจักรและติดอันดับสูงในอีกหลายประเทศในยุโรป ต่อเนื่องมาถึงชุด Auberge (1991) แม้หลังจากนั้นความนิยมในแง่ยอดขายและชื่อเสียงจะค่อยๆ ลดลง แต่ในเนื้องานแล้ว ผลงานทุกชุดของ คริส เรีย ยังคงรักษามาตรฐานเอาไว้ได้อย่างคงเส้นคงวา
คริส เรีย ทำงานเพลงอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่าสี่ทศวรรษ มีอัลบั้มรวมทั้งสิ้น 25 ชุด ในขณะที่ร่างกายต้องต่อสู้กับความอ่อนแอจากการตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับอ่อนตั้งแต่อายุเพียง 33 ปี การผ่าตัดถุงน้ำดีและบางส่วนของตับส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของเขาในเวลาต่อมา ทั้งโรคเบาหวานและปัญหาเรื่องไต เขาเคยเผชิญกับภาวะหลอดเลือดในสมองตีบในปี 2016 แม้จะรักษาจนกลับมาบันทึกเสียงอัลบั้ม Road Songs for Lovers และออกทัวร์ได้ในปีถัดมา แต่เขาก็เคยหมดสติระหว่างการแสดงบนเวทีมาแล้ว
เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่กลัวตาย” และใช้ความเจ็บป่วยของตัวเองเป็นแรงบันดาลใจในการกลับไปค้นหารากเหง้าทางดนตรีของตนเอง นั่นคือดนตรีบลูส์ เขาอยากให้ลูกสาวทั้งสองคนภูมิใจว่า “สิ่งที่พ่อทำไม่ใช่เพลงป๊อป แต่เป็นเพลงบลูส์ และนั่นคือสิ่งที่พ่อเป็น”
และในวันที่ 22 ธันวาคม คริส เรีย ก็จากไปอย่างสงบ ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บป่วย ไม่ต้องกินยาเป็นกำๆ อีกต่อไป เหลือไว้เพียงผลงานเพลงชั้นดีที่ถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงอันอบอุ่น เสียงสไลด์กีตาร์ที่เป็นเอกลักษณ์ และเรื่องเล่าที่แฝงข้อคิดมากมาย... ซึ่งจะยังคงเป็นบทเพลงประจำชีวิตของใครหลายคนตลอดไป
ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/ChrisReaOfficial








