เป็นอีกหนึ่งเพื่อนรักที่ "นานา ไรบีนา"ใช้ความเชื่อใจ ความเป็นเพื่อนกันมานานกว่า 30 ปี หลอกเอาเงินจาก "ดีเจดาด้า วรินดา" ด้วยการหลอกให้ซื้อหุ้นบริษัทจำนวน 2 ล้านบาท และยืมเงินอีก 1 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ 5 ธ.ค.68 "ดีเจดาด้า" เปิดใจผ่านรายการโหนกระแส โดยเจ้าตัว เผยว่า."ด้าโอนเงินให้ นานา เมื่อ พ.ย.ปีที่แล้ว ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน นานา โทรมาบอกว่ามีเรื่องเดือดร้อน กลุ้มใจมาก ขอมาปรึกษา เพื่อนโทรมาร้องไห้ บอกอยากเข้าไปหาที่บ้าน วันนั้นมีด้า มีนานา และ ดีเจบอย ฌาฆฤณ มาคุยกันที่บ้านด้า นานา บอกทำยังไงดีเขามีหนี้ 168 ล้าน ต้องจ่ายหนี้ก้อนนี้อีก 3 เดือนข้างหน้า เราก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้ลงดีเทลว่ามันเกิดจากอะไร ตอนนี้เขามี 50 ล้าน ยังเหลืออีก 100 กว่าล้าน เราไม่รู้ว่าที่เขาพูดวันนั้นต้องการที่จะให้ช่วยเหลือหรือเปล่า แต่ในฐานะที่สนิทกันเราหาทางช่วยเพื่อนแก้ปัญหา และได้แนะนำคนหนึ่งให้เพื่อนเผื่อว่าเขาจะช่วยได้ เอาเบอร์ติดต่อให้ไป เราก็เชื่อ เพราะเพื่อนไม่เคยมีหนี้ก้อน
หลังจากนั้น 2-3 วันนานามาอัปเดตว่าคนที่ด้าแนะนำให้ยืมเงิน เราก็สบายใจว่าช่วยเพื่อนได้ แล้วเขาก็อัปเดตว่ามีการใช้หนี้ให้เจ้าหนี้รายนี้ เราก็เข้าใจว่านานามีเจ้าหนี้คนเดียวมาโดยตลอด อยู่มาวันหนึ่งนานาบอกว่าผู้ถือหุ้นในบริษัทร้านตัดผมจะถอนหุ้น เราสนใจจะซื้อมั้ย เราก็บอกว่าสนใจ เพราะธุรกิจร้านตัดผมเขามันกำไร เราเคยซื้อแฟรนไชส์ร้านตัดผมเขาเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว เขาบอกจะขายหุ้นให้ 1 % ยอดคือ 2 ล้านบาท แล้วก็ทำใบโอนหุ้นให้เรา เราก็โอนเงินให้เขา 2 ล้าน เขาก็มีเอกสารค่าหุ้นให้เราเซ็น เป็นสัญญาซื้อขายหุ้น แต่ด้วยความเป็นเพื่อนกันเราก็ไม่ได้ทำเอกสารรัดกุม เรื่องใบหุ้นเราก็ไม่ได้คุยกัน เขาบอกว่ารายชื่อผู้ถือหุ้นต้องมีการเปลี่ยนแปลง สัญญาหุ้นค่อยทำทีหลังก็ได้
ส่วนอีก 1 ล้าน เป็นการยืมเงิน ซึ่งเงิน 1 ล้านบาทที่นานายืมเกิดขึ้นก่อนซื้อหุ้น เขาเอาเช็กมาค้ำระยะเวลา 1 ปี เพิ่งครบ 25 พ.ย.68 ที่ผ่านมา วันที่พูดในรายการแฉก็เพราะเข้าใจว่าเพื่อนมีเจ้าหนี้คนเดียวตลอดระยะเวลา 2 ปี ไม่ได้ไปยืมเงินใครเยอะแยะมากมาย เพราะสิ่งที่เรารับรู้มามันเป็นแบบนั้น แต่พอรู้ความจริงอีกมุมก็เลยต้องพูดใหม่ ส่วนเรื่องที่ นานา หย่ากับ เวย์ ไทยเทเทียม นานาเล่าให้ฟังเหมือนเพื่อนสนิทอัปเดตให้ฟังว่าวันนี้เขาไปเซ็นใบหย่ากับเวย์แล้ว เพราะมีหนี้ 168 ล้าน มานั่งคิดย้อนหลัง เพื่อนอาจจะแต่งเรื่องเพื่อให้เราให้จ่ายเงินช่วยเขา มันก็คิดได้แบบนั้น เรื่องหย่าที่เราให้สัมภาษณ์กับสื่อ เราก็ยืนยันชัดเจนว่าเพื่อนพูดกับเราแบบนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า เพราะเราก็โดนเพื่อนโกหกมาหลายรอบ
ก่อนมาออกรายการก็บอกนานา เขาก็บอกว่าให้เป็นไปตามการตัดสินใจของด้าเลย แต่ขอให้มีพื้นที่ให้เขาได้มีโอกาสทำงานสักนิดนึง เคสของด้าโดนเหมือนเจนี่ คือเราเชื่อใจ เพราะตอนที่ซื้อขายหุ้น นานา ก็บอกว่าเราเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท แต่พอเช็กแล้วไม่มีชื่อตัวเองเป็นผู้ถือหุ้น จนด้าตัดสินใจถามนานาจริง ๆ ว่าเอาเงินไปลงบริษัทนี้จริงมั้ย นานาถึงยอมรับว่าเอาไปใช้ตรงอื่น ตอนนี้ด้ายังไม่ได้แจ้งความ แต่ปรึกษาทนายแล้ว ทนายแนะนำให้แจ้งความ เดี๋ยวจะมีการเคลียร์กับนานาอีกทีถึงกรอบการชำระหนี้ ทำสัญญาชำระหนี้ ทำให้เป็นคดีอาญา เพราะปลายทางด้าปักธงว่าอยากได้เงินคืน เดี๋ยวจะไปแจ้งความตามคำแนะนำของทนาย"