"บวรศักดิ์ อุวรรณโณ" รองนายกฯ ด้านกฎหมาย ขีดเส้นตายกำหนดไทม์ไลน์ชัดเจน ขอให้รัฐสภาเร่งลงมติวาระ 3 ไม่เกิน 15-20 ธ.ค. 2568 เพื่อให้ทันจัด "ประชามติพ่วงเลือกตั้งใหม่ 29 มี.ค. 2569" ตามข้อตกลง MOU ทำให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ที่ทุกฝ่ายต้องประสานเวลาเพื่อไม่ให้ไทม์ไลน์ประเทศสะดุด
วันที่ 15 ต.ค.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่..พ.ศ… 3 ฉบับ ได้แก่ฉบับของพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 เพิ่มหมวด15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นวันที่ 2 ก่อนที่จะมีการลงมติในวาระรับหลักการ
ต่อมาเวลา 13.30 น. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า พร้อมนำข้อมูลการอภิปรายจากสมาชิกรัฐสภาส่งให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญไปพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญในอนาคต ทั้งนี้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด15/1 ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นอำนาจรัฐสภา แต่การทำประชามติ ตามพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ กำหนดให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีทราบ เพื่อหารือกับกกต.กำหนดวันลงประชามติ และคำถามประชามติ จึงขอนำเสนอไทม์ไลน์ใน 2กรณีคือ 1.กรณีที่พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ฉบับปัจจุบันยังมีผลบังคับใช้ ตามข้อตกลงเอ็มโอเอที่ให้ยุบสภาใน 4เดือน จะครบกำหนดยุบสภาวันที่ 31ม.ค.2569 ทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในกรณียุบสภา ต้องเลือกตั้งภายใน 45-60วัน วันที่เหมาะสมจะเลือกตั้งที่สุดคือ วันที่ 29มี.ค.2569 ที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและเอ็มโอเอ
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตามเมื่อมีการทำประชามติมาเกี่ยวข้อง ตามพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติฉบับปัจจุบัน กำหนดให้ประธานรัฐสภาแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันออกเสียงประชามติ ในระหว่าง 90-120 วัน นับแต่วันที่แจ้งต่อประธานรัฐสภา เมื่อรัฐบาลต้องการประหยัดงบประมาณให้ออกเสียงประชามติไปพร้อมกับวันเลือกตั้งในวันที่ 29มี.ค.2569นั้น ดังนั้นกรอบเวลา 90วัน คือวันที่ 30ธ.ค.2568 จะเป็นวันที่นายกฯและกกต.ประกาศให้ทำประชามติ หมายความว่า การลงมติแก้รัฐธรรมนูญวาระ3 ควรไม่เกินวันที่ 15-20 ธ.ค.2568 เผื่อระยะเวลาทิ้งไว้ 10วัน ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้นายกฯและกกต.และหารือกำหนดวันทำประชามติที่จะเป็นวันเดียวกับการเลือกตั้งคือ วันที่ 29มี.ค.2569 จึงต้องขอความกรุณารัฐสภาลงมติแก้รัฐธรรมนูญวาระ3 วันที่ 15-20ธ.ค.
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ส่วนไทม์ไลน์กรณีที่2 ที่พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ฉบับใหม่ที่นำขึ้นทูลเกล้าฯไปแล้ว และมีประกาศบังคับใช้ จะทำให้รัฐสภามีเวลาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมากขึ้นคือ หากยุบสภาวันที่ 31ม.ค.2569 และเลือกตั้งวันที่ 29 มี.ค.2569 แต่กรอบเวลาการประกาศวันทำประชามติจะลดจาก 90วัน เหลือ 60วัน ดังนั้น วันสุดท้ายที่จะประกาศวันทำประชามติคือ วันที่ 29ม.ค.2569 หากเป็นเช่นนี้ รัฐสภาต้องลงมติการแก้รัฐธรรมนูญ วาระ3 ในช่วงวันที่ 15-19 ม.ค.2569 และ เว้นเวลาไว้ 10 วันเพื่อให้ประธานรัฐสภาจัดทำร่างตลอดจนคำอธิบายสาระสำคัญของร่าง เพื่อให้รัฐบาลสามารถหารือกับ กกต.ได้ ไทม์ไลน์ดังกล่าวเป็นไปตามเอ็มโอเอ และพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ ซึ่งการจัดทำรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของรัฐสภา รัฐบาลไม่อาจก้าวล่วงได้ แต่ต้องมีการประสานงานกันในหลายเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ จึงได้เสนอไทม์ไลน์ที่รัฐบาลมองว่าควรจะเป็นเช่นนั้น







