ลมหนาวพัดมาอีกครั้ง และทุกครั้งที่พัดมา ได้นำพาความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ให้กับหลาย ๆ ครอบครัว ในหลายพื้นที่ ที่ความหนาวกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ในการใช้ชีวิต เพราะความหนาวเย็นคืออีกหนึ่งภัยพิบัติที่ชาวบ้านในหลายจังหวัดต้องเผชิญ และเป็นความยากลำบากที่หลายครัวเรือนกำลังรอการช่วยเหลือ
แม้บรรยากาศยามเช้าที่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ จะเต็มไปด้วยมวลอากาศเย็นและลมพัดแรง แต่ชาวชัยภูมิไม่ย่อท้อที่จะเดินทางมารวมตัวกัน เพื่อต้อนรับคณะจากสภากาชาดไทยและภาคีเครือข่าย ที่เดินทางมาด้วยใจที่พร้อมบรรเทาทุกข์จากภัยหนาวให้แก่ชาวชัยภูมิ ในโครงการ “หนาวนี้ทำดีเพื่อพ่อ 2569” โครงการที่สภากาชาดไทย โดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อส่งต่อไออุ่นและน้ำใจสู่ผู้ประสบภัยหนาวทั่วประเทศ และในปีนี้มีหมุดหมายอยู่ที่ จ.ชัยภูมิ ทั้งใน อำเภอเทพสถิต อำเภอภูเขียว และ อำเภอคอนสาร เมื่อวันที่ 25-27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
พลโท นายแพทย์อำนาจ บาลี ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย กล่าวถึงโครงการนี้ว่า “ความหนาวถือว่าเป็นภัยพิบัติหนึ่งที่เราต้องช่วยเหลือ เราเริ่มโครงการนี้มาเป็นปีที่ 24 แล้ว สำหรับ จ.ชัยภูมิ ปีนี้ถือว่าหนาวมาก ทุกคนเลยพร้อมมาช่วย ซึ่งสภากาชาดไทยเป็นอีกหนึ่งหน่วยที่มาเสริมกำลังความช่วยเหลือ พร้อมกับภาคีเครือข่ายที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ความร่วมมือจากสภากาชาดไทย ภาครัฐ และเอกชน ที่มาช่วยกันในครั้งนี้ ล้วนทำเพื่อประโยชน์สำหรับพี่น้องประชาชนทั้งสิ้น”
“นอกเหนือจากแจกผ้าห่มหรือเครื่องกันหนาวแล้ว เราให้อุปกรณ์กีฬา ตู้ยาสามัญประจำบ้าน สีสำหรับทาสีโรงเรียน ของกิน ของใช้ และสิ่งของอีกหลายอย่างมาก ๆ ที่ขนมาให้ชาวชัยภูมิ รวมถึงหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ที่มาให้คำปรึกษา รักษาโรคทั่วไป หน่วยทันตกรรม มีการให้ความรู้เกี่ยวกับป้องกันโรคภัยด้วยตนเอง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราทำให้กับพี่น้องประชาชน”
แม้ผ้าห่ม เสื้อผ้า อาหาร หรือบริการทางการแพทย์ ที่สภากาชาดไทยและภาคีเครือข่ายจัดเตรียมมาจะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย ที่ไม่ใช่ของมีค่าราคาแพง แต่สำหรับชาวชัยภูมิ ต่างกล่าวเหมือนกันว่า “การได้รับความช่วยเหลือต่าง ๆ ในวันนี้ เป็นเหมือนอีกหนึ่งความอบอุ่นที่บรรเทาใจและช่วยคลายความทุกข์ของชาวบ้านได้อย่างเกินคาด”
“อากาศที่ชัยภูมิหนาวมากค่ะ” สมพร ขอรวมทอง ชาวบ้าน อ.เทพสถิต เปิดบทสนทนาด้วยสถานการณ์ภัยหนาวที่จังหวัดชัยภูมิในปีนี้ “ล่าสุดก็มีคนแก่แถวบ้านที่หนาวจนตาย เพราะว่าเสื้อกันหนาวกับผ้าห่มไม่พอค่ะ ของที่มีก็เก่าและขาดหมด วันนี้ก็มารับให้คนแก่ที่หมู่บ้าน ที่มาไม่ได้เพราะบางคนไม่สบาย บางคนป่วยติดเตียงก็มี ก็ดีใจมาก ๆ ค่ะ ที่มีโครงการนี้ อย่างน้อยก็ช่วยเยียวยาหน้าหนาวให้จังหวัดชัยภูมิของเราได้เยอะเลย ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ”
หรือแม้กระทั่งที่ อ.ภูเขียว พื้นที่ที่อยู่เหนือสุดของจังหวัด ที่ตั้งอยู่บนภูมิประเทศที่ราบสูง ล้อมรอบด้วยภูเขา ทำให้ภัยหนาวนั้นมาเยือนบริเวณแห่งนี้ทุกปี และในปีนี้ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ปีนี้หนาวยิ่งกว่าเดิม” ยืนยันได้จาก สมานจิตร ถนอมขวัญ ผู้อาศัยอยู่ที่ อ.ภูเขียว แห่งนี้มานานถึง 75 ปี
“มันหนาวขึ้นทุกปี บางปีก็กินเวลายาวหลายเดือน ปีนี้ก็รู้สึกหนาวมากกว่าเดิม มันหนาวแบบต้องมีผ้าห่ม ต้องใส่เสื้อหลายชั้น ไม่อย่างนั้นจะใช้ชีวิตยากมาก พอผู้ใหญ่บ้านบอกว่ากาชาดจะมาแจกผ้าห่ม ก็ตั้งใจเดินทางออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อมารับ ก็ดีใจมาก ดีใจแทนคนเฒ่าคนแก่ที่นี่ ที่อย่างน้อยก็ได้มีเสื้อผ้าให้อุ่น ขอบคุณกาชาด จริง ๆ แล้วอยากให้มาทุกปี” สมานจิตรกล่าว
สำหรับโครงการนี้ พลโท นายแพทย์อำนาจ บาลี ยังกล่าวทิ้งท้ายการจัดโครงการในปีนี้ไว้ว่า “หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมถึงแจกผ้าห่มกันทุกปี ก็ต้องบอกว่าสำหรับภัยหนาวในประเทศไทย ให้เท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอสำหรับพวกเขา เพราะหนึ่งคือเครื่องกันหนาวย่อมมีการเสื่อมสภาพ บางคนใช้จนเก่าแล้วเก่าอีก สองคือเราเองต้องกระจายไปในหลาย ๆ จังหวัดที่ประสบภัย การมาชัยภูมิครั้งนี้ ถึงแม้จะขนกันมาหลายพันผืน แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ เชื่อว่ายังมีอีกหลายท่านที่ยังขาดแคลนและเข้าไม่ถึงการช่วยเหลือ ตรงนี้คือการบ้านที่สภากาชาดไทยและทุกภาคส่วน รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ ต้องช่วยกันแก้ปัญหา เพื่อบรรเทาทุกข์ของชาวบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
แม้ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และสร้างความทุกข์ร้อนใจให้แก่ผู้ประสบภัยมาโดยตลอด แต่น้ำใจ การให้ และการเสียสละเพื่อส่วนรวม ยังคงเป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจชั้นดี ที่คอยเยียวยาและฟื้นฟูทั้งกายและใจของผู้ประสบภัย ไม่ว่าลมหนาวจะพัดมากี่ครั้ง หรือภัยพิบัติจะก่อเกิดขึ้นมาอีกกี่หน สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนความอบอุ่นที่สภากาชาดไทยและคนไทยทุกคนร่วมกันส่งต่อให้แก่เหล่าผู้ประสบภัยมาโดยตลอด







