ข่าวภูมิภาค

ค้าชายแดนตราดดับสนิท 5 เดือน ผู้ประกอบการคลองใหญ่ขาดรายได้ เร่งปรับตัวประคองธุรกิจ

แชร์ข่าว




นายธนะวุฒิ ธนากิจ กำนันตำบลคลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ และเจ้าของธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง และค้าชายแดนจ.ตราด หลังจากที่เกิดการสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชามาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 ที่เป็นรอบแรก และอีกครั้งในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2568 ที่เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งฝ่ายความมั่นคงได้ประกาศปิดจุดผ่านแดนถาวรมและจุดผ่อนปรนทั้งหมด รวมทั้งในพื้นที่จังหวัดตราด ทำให้การค้าขายชายแดนในพื้นที่จ.ตราดและจังหวัดเกาะกง กัมพูชาที่มีพื้นที่ติดต่อกัน ไม่สามารถทำได้ตามปกติ ส่งผลให้การค้าในพื้นที่เล็กๆน้อยๆในพื้นที่ทั้งหมดต้อบได้รับผลกระทบไปด้วย รถโดยสารที่รับนักท่องเที่ยวจากกัมพูชาเข้าเมืองตราดไม่มี มีเพียวรถโดยสาร 2 แถวที่รับส่งคนจากคลองใหญ่ไปกลับ และรถยนต์ส่วนตัวซึ่งมีจำนวนไม่มากในแต่ละวัน ห้องพัก หรือรีสอร์ทในพื้นที่ไม่มีนักท่องเที่ยวมาพัก ยกเว้นในจังหวัดตราดด้วยกัน ส่วนการค้าขายชายแดนทั้งหมดที่ผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเช็กปิดไปตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 และไม่มีการค้าส่งออก หรือนำเข้ามาเลย จากที่ค้าขายกันเดือน 3-4 พันล้านบาท แต่วันนี้เป็นศูนย์  5 เดือนที่ผ่านมารายได้หายไปเท่าไรก็คิดดูเอง


“ผู้ประกอบการท้องถิ่นพยายามหาทางไปส่งสินค้าทางทะเลผ่านไปยังแหลมฉบัง แต่ทำได้เพียงไม่นานก็ต้องเลิกเพราะรับกับต้นทุนไม่ไหวมต้องยอมเสียรายได้ทั้งหมดไป ซึ่งการที่ทั้งสองประเทศทำข้อตกลงหยุดยิงร่วมกัน นับเป็นข่าวดี และน่าจะทำให้เกิดการค้าขาย และการท่องเที่ยวไปมาระหว่าง 2 จังหวัดไดีเหมือนเดิม แต่จะต้องรออีกเมื่อไร เพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้ เศรษฐกิจโดยรวมของอำเภอคลองใหญ่จะแย่ ตอนนี้ผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งก็ปรับเปลี่ยนธุรกิจกันแล้ว เพราะรอไม่ได้แล้ว”กำนันต.คลองใหญ่กล่าว


ขณะนายปิยวุฒิ ประสิทธิเวช เจ้าของท่าเรือส.กฤตวัณ ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่จ.ตราด ที่เป็นผู้ขนส่งสินค้ารายใหญ่ของจังหวัดที่นำสินค้าไปยังกัมพูชา เปิดเผยว่า เมื่อสถานการณ์ชายแดนยังไม่สงบและฝ่ายความมั่นคงยังคงปิดจุดผ่านแดนถาวรในอำเภอคลองใหญ่ทั้งหมด ทำให้ส่งสินค้าไปกัมพูชาไม่ได้ทั้งทางน้ำและทางบก ที่นานกว่า 5 เดือน ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนท่าเรือขนส่งสินค้ามาเป็นท่าเทียบเรือเพื่อการประมง หลังประสบปัญหาผลประทบจากการสู้รบแนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ประกาศปิดด่านมานานกว่า 5 เดือน ซึ่งช่วงแรกคิดว่าน่าจะไม่นานเหมือนครั้งแรกที่ยังดูแลคน(ลูกน้อง) รถบรรทุก เรือขนส่งสินค้าด้วยการแบกค่าแรงลูกน้องไว้ แต่พอนานเข้าสถานการณ์กลับยืดเยื้อ ทำให้ต้องปรับตัวให้ท่าเรือเป็นท่าเรือเพื่อการประมง

“ตอนนี้ท่าเรือ ส.กฤตวัณ ได้ปรับท่าเรือจากท่าเรือขนส่งสินค้าที่ปกติจะรับส่งสินค้าไปกัมพูชา เมื่อมีปัญหาการสู้รบ และมีการปิดด่านชายแดน ทำให้การขนส่งสินค้าไปกัมพูชาต้องหยุดลง   รถบรรทุกขนส่งสินค้าจอดเรียงรายในอาคาร เรือขนส่งสินค้าจอดนิ่งที่ท่าเทียบเรือ ในขณะที่คนงานลูกน้องก็ใช้เวลาดูซ่อมบำรุงรถเรือที่จอด    และทุกคนต้องกินต้องใช้ จึงต้องปรับเปลี่ยนธุรกิจขนส่งสินค้าทางบกและทางทะเลมาเปิดเป็นท่าเรือเพื่อการประมงเลยดีกว่า ซึ่งเปิดมาได้ 1 เดือนแล้ว  มีเรือประมงนำสินค้าที่เป็นสัตว์น้ำมาขึ้น ซึ่งเป็นเรือประมงภายในประเทศไทยทั้งนั้น รวมทั้งเรือประมงจากภาคใต้ก็มีมา  ส่วนอนาคตหากเปิดด่านชายแดนค้าขายเหมือนเดิมแล้ว เราก็จะแบ่งโซน ขนส่งสินค้าทางน้ำและท่าเรือเพื่อการประมงไปด้วย มันเป็นวิกฤตที่เกิดขึ้น แต่เราก็ต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด“ นายปิยวุฒิกล่าว

ภูมิภาค-24