ช็อกคนลุ่มน้ำ! ผลตรวจแม่น้ำสาละวินพบสารพิษพุ่งสูง 5 เท่า สั่งด่วนห้ามกินหัวกุ้ง-เครื่องในปลาเด็ดขาด หลังเหมืองเถื่อนนับพันแห่งต้นน้ำปล่อยสารพิษปนเปื้อนข้ามพรมแดน กระทบสุขภาพและอาชีพชาวบ้านอย่างหนัก
ระหว่างวันที่ 22-23 ธันวาคม 2568 สมาคมฟื้นฟูและพัฒนาลุ่มน้ำสาละวิน จัดกิจกรรมลงพื้นที่แม่น้ำสาละวิน พรมแดนไทย-เมียนมา อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกรณีแม่น้ำสาละวินปนเปื้อนสารโลหะหนัก โดยนำเสนอสถานการณ์ให้ชาวบ้าน 2 ฝั่งแม่น้ำทั้งฝั่งไทยและฝั่งรัฐกะเหรี่ยง ณ ห้องประชุมสาละวิน อบต.แม่สามแลบ โดยมีนักวิชาการจากศูนย์วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) คณะนักวิจัยสถาบันพัฒนาระบบประเมินผลกระทบทางสุขภาพโดยชุมชน นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ ทีมนักสิ่งแวดล้อมจาก Rivers and Rights และผู้แทนมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) เข้าร่วมพร้อมสื่อมวลชน
ผศ.ดร.ว่าน วิริยา นักวิชาการ มช. ระบุว่าการทำเหมืองแร่ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำสาละวินจากการใช้กรดหยอดในรูเจาะบนภูเขาแล้วปล่อยสารพิษลงสู่ต้นน้ำ ซึ่งพบเหมืองแร่ไร้การควบคุมกว่า 2,000 แห่งบริเวณต้นน้ำโขงและสาละวิน จากการตรวจน้ำสาละวินพบค่าสารหนูสูงกว่ามาตรฐานถึง 5 เท่าในครั้งแรก และการตรวจร่วมกับกรมควบคุมมลพิษล่าสุดยังพบสารหนูเกินมาตรฐาน 2-3 เท่า รวมถึงพบสารปรอทขณะที่หน่วยงานรัฐตรวจไม่พบ นอกจากนี้ผลตรวจปัสสาวะของชาวบ้านพบค่าสารหนูในร่างกายเกือบถึงขีดจำกัดมาตรฐาน จึงต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน
สำหรับผลตรวจกุ้งแม่น้ำพบสารหนู แคดเมียม ปรอท และตะกั่วเกินมาตรฐาน โดยเตือนว่าห้ามกินหัวกุ้งเด็ดขาดเพราะโลหะหนักกว่า 90% สะสมอยู่ที่หัว ส่วนปลาเนื้ออ่อน ปลาแข้ แม้เนื้อไม่เกินมาตรฐานแต่พบสารหนู ตะกั่ว และปรอทในส่วนหัว พุง และเครื่องใน การกินปลาจึงควรตัดหัวและงดกินพุงเครื่องใน ที่สำคัญห้ามดื่มน้ำจากสาละวินโดยตรง แม้ต้มก็ไม่ช่วยกำจัดโลหะหนัก ต้องใช้การกรองเท่านั้น และหากน้ำขุ่นห้ามลงน้ำหรือสัมผัสน้ำหากมีบาดแผล
ด้านชาวบ้านแม่สามแลบตั้งข้อสังเกตว่า 2 ปีนี้แม่น้ำขุ่นทั้งปี ผลผลิตเกษตรริมน้ำตกต่ำ และพบปลาหางงอผิดปกติ ซึ่งคุณสมพร เพ็งค่ำ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาระบบประเมินผลกระทบทางสุขภาพโดยชุมชน อธิบายว่าสารหนูที่สะสมในตะกอนดินและน้ำมีทั้งพิษเฉียบพลันที่ทำให้สัตว์น้ำตาย และพิษเรื้อรังที่ก่อมะเร็งในมนุษย์ ซึ่งอาจไม่แสดงอาการทันทีแต่จะส่งผลในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ อดีตนายก อบต.แม่สามแลบ เผยว่าชาวบ้านกังวลใจมากจนไม่กล้าหาปลาส่งผลกระทบต่อรายได้และอาชีพ
ชาวบ้านจากอิตุท่า รัฐกะเหรี่ยง สะท้อนว่าปัญหานี้เกิดจากกลุ่มทุนใหญ่ที่กอบโกยผลประโยชน์แต่ทำร้ายแผ่นดินและประชาชน ปัญหานี้ต้องได้รับแก้ไขจากผู้มีอำนาจ โดยหลังจากนั้นคณะนักวิจัยได้ลงพื้นที่บ้านสบเมยเพื่อเก็บตัวอย่างผักกาดเขียว ไคร้น้ำ และตะกอนดินไปตรวจสอบ พร้อมให้คำแนะนำกลุ่มเปราะบางอย่างหญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็กควรงดบริโภคอาหารจากแม่น้ำสาละวิน โดยเฉพาะหอยที่สะสมสารพิษสูงที่สุด ทั้งนี้ นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ย้ำว่าปัญหาเหมืองแร่นอกประเทศเป็นเรื่องข้ามพรมแดนที่แก้ไขยาก จึงต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างคนลุ่มน้ำโขงและสาละวินร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อความปลอดภัยของทุกคน








