ข่าวภูมิภาค

บกปภ.ช. เร่งฟื้นฟูหาดใหญ่ เดินหน้ากว่า 70% พร้อมรับมือฝนหนักรอบสอง 11–16 ธ.ค.นี้

แชร์ข่าว

วันนี้ (10 ธ.ค. 68) เวลา 09.00 น. ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะเลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ รับมอบหมายจากผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดสงขลา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม พร้อมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานการสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ทั้ง 18 ส่วนงาน ร่วมประชุมผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์

นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะเลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า เป้าหมายการฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ “7 วันกลับบ้าน 14 วันเมืองสะอาด” ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ตั้งเป้าไว้ ขณะนี้เดินหน้ามากว่า 70% หน่วยงานรับผิดชอบด้านการฟื้นฟู ยังทำงานต่อเนื่อง ตลอด 24 ชั่วโมง ปัจจุบัน (9 ธ.ค.68) ได้ขนขยะนำทิ้งแล้ว 71,336 ตัน ทำความสะอาดถนนได้ 254.98 กิโลเมตร จากเป้าหมายทั้งหมด 394.3 กิโลเมตร คิดเป็น 64.8% ปริมาณงานเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อวาน ส่วนกำลังพลปฏิบัติหน้าที่ 3,167 คน เครื่องมือเครื่องจักร 534 รายการ และวางแผนสนับสนุนเติมเครื่องจักรจาก อบจ.สงขลา อาทิ รถตักล้อยาง รถไถ รถเจซีบี รถบรรทุก รถดั๊ม เข้าพื้นที่ จะช่วยให้งานเดินหน้าได้ นอกจากนี้ บกปภ.ช. ได้รายงานการดูแลด้านการดำรงชีพว่ายังมีการแจกจ่ายถุงยังชีพ ข้าวกล่อง น้ำดื่ม และตั้งโรงครัวสนาม ในพื้นที่เพื่อดูแลประชาชน ส่วนกำลังพลบางส่วนที่มีการปรับแผนเพื่อไปสนับสนุนในภารกิจอื่น นอกจากนี้ จังหวัดสงขลาได้ระดมจิตอาสาทั้ง 16 อำเภอ อำเภอละ 50 คน หมุนเวียนมาช่วยเหลือการปฏิบัติโซนละ 200 คนต่อวัน เพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่

ด้านการช่วยเหลือจากหน่วยงานการสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน สปฉ.8 (ส่วนงานด้านการแพทย์และการสาธารณสุข) กระทรวงสาธารณสุขได้คัดกรองเคสกลุ่มเสี่ยงต่อโรคฉี่หนูเพิ่มเติมในชุมชนแล้ว 40,000 กว่าราย และผู้ที่พบการติดเชื้อได้ติดตามและให้ยารักษาตามกระบวนการ ปัจจุบันได้จ่ายยาในกลุ่มเสี่ยงแล้ว 9,778 คน ทางด้านสปฉ. 1 (ส่วนงานคมนาคม) วันนี้ได้นำเครื่องจักรของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท เข้ามาเพิ่มเติมในการสนับสนุนฟื้นฟูพื้นที่ ซึ่งจะทำให้การฟื้นฟูพื้นที่โซนที่ 4 มีความรวดเร็วขึ้น ส่วนสปฉ.17 (ส่วนงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งประเมินขยะจากน้ำท่วมในพื้นที่คาดการณ์ 150,000 ตัน ปัจจุบันขนออกจากครัวเรือนแล้ว 75,798 ตัน แต่ด้วยปริมาณขยะจากชุมชนที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีจุดพักขยะชั่วคราวเพิ่มขึ้นอีก 1 จุด ที่ชุมชนบางหัก เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่ได้มีการพักขยะมูลฝอยเพื่อขนถ่ายไปยังจุดปลายทางที่ ต.เกาะแต้ว โดยแต่ละหน่วยงานมีความคืบหน้าในการปฏิบัติงานอย่างเป็นทิศทางเดียวกัน

ในส่วนของสถานการณ์ ในห้วงถัดไปที่ต้องเตรียมรับมือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา ติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนฝนตกหนักถึงหนักมากที่จะมีบริเวณภาคใต้ 8 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และภาคกลาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง ในช่วงวันที่ 11 – 16 ธ.ค. 68 โดยช่วงวันที่ 11 – 12 ธันวาคม 2568 ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่บริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.ชุมพร โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา ส่วนช่วงวันที่ 13 – 16 ธันวาคม 2568 ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง บริเวณ จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยายืนยันว่าฝนที่จะตกในห้วงถัดไป ไม่มีลมร่องมรสุมเข้ามาเกี่ยวข้องเหมือนรอบที่ผ่านมา แต่จะเคลื่อนผ่านแล้วจะเคลื่อนตัวออกไป ฝนที่ตกในภาคใต้จึงจะไม่ใช่ลักษณะการตกแช่ และฝนตกสะสม เหมือนรอบที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม บกปภ.ช. ได้เตรียมการป้องกันและวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยหน่วยงานส่วนกลางจะร่วมกับหน่วยงานด้านการพยากรณ์และพื้นที่ ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อทำการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าให้ประชาชนทราบ และเตรียมความพร้อมได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งวางแผนรับมือ เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ซ้ำ

“ขณะนี้เราต้องฟื้นฟูพื้นที่สงขลาอย่างต่อเนื่อง และต้องเตรียมแผนป้องกันและรับมือกับฝนที่จะตกในพื้นที่ภาคใต้ในห้วงที่สอง ขอให้ทางจังหวัดสำรวจความพร้อมของศูนย์พักพิงชั่วคราว ทั้งระบบน้ำ ไฟ จำนวนที่รองรับผู้อพยพ และสำรวจจัดหาศูนย์พักพิงชั่วคราวหรือจุดปลอดภัยสำรอง หากต้องขยายพื้นที่รองรับประชาชนเพื่อความปลอดภัย รวมถึงจัดหาสิ่งของสำรอง น้ำดื่ม อาหาร ยารักษา และเครื่องนอนให้พร้อมใช้งาน และตรวจสอบยืนยันผู้ประสานงานประจำศูนย์พักพิงเพื่อให้การประสานงานหากเกิดภัย เป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีระบบ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะได้ถูกนำมาวางแผนบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมที่เข้มแข็งในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้“ นายธีรพัฒน์ อธิบดี ปภ. กล่าว