เกิดเหตุไฟไหม้โบสถ์เหรียญบาท วัดทุ่งเคล็ด ประจวบฯ กลางดึก ชาวบ้านช่วยดับเพลิง พบปริศนาขนย้ายทรัพย์สินก่อนตำรวจเข้าตรวจ ปมโยงคดีขัดแย้งเจ้าอาวาส
เมื่อค่ำวันที่ 23 พ.ย.68 เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายใน “โบสถ์เหรียญบาท” ของวัดบ้านทุ่งเคล็ด ตำบลนาหูกวาง อำเภอทับสะแก โดยคลิปจากชาวบ้านเผยให้เห็นเปลวไฟลุกจากด้านในโบสถ์ ชาวบ้านหลายรายต้องช่วยกันลากสายยางฉีดน้ำผ่านหน้าต่างเพื่อสกัดเพลิง ระหว่างรอรถดับเพลิงมาถึง
โบสถ์แห่งนี้เคยเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างพระสงฆ์สองฝ่ายเกี่ยวกับตำแหน่งเจ้าอาวาส และกำลังอยู่ในกระบวนการต่อสู้คดีในชั้นศาล ทำให้เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ
หลังเพลิงสงบ พระประสิทธิ์ เจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งเคล็ด (ปัจจุบัน) เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.วินัย ลายละเอียด สว.สืบสวน สภ.ทับสะแก ระบุว่า พระอาทิตย์ อดีตเจ้าอาวาส พร้อมพวก ได้เข้าไปขนย้ายทรัพย์สินที่เสียหายจากไฟไหม้ออกจากโบสถ์กลางดึก และนำไปทิ้ง โดยไม่ได้แจ้งให้ทราบ ทั้งที่พื้นที่ถูกปิดไว้เพื่อรอพิสูจน์หลักฐานในตอนเช้า
เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบ พบว่าภายในโบสถ์มีการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว โดยมีพระอาทิตย์ควบคุมการทำงานร่วมกับชาวบ้าน แต่เจ้าตัวปฏิเสธทุกคำถาม และไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ อ้างว่าจะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หากมีภาพใบหน้าปรากฏ
ด้าน นายบุญมา หรือ “เล็ก” อายุ 51 ปี ชาวบ้านละแวกวัด เล่าว่า ตอนเกิดเหตุได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ จึงรีบออกมาดูและพบว่าไฟกำลังลุกไหม้จากโต๊ะหมู่บูชาภายในโบสถ์ ไฟลามไปยังฐานไม้บูชาพระแก้วมรกต ก่อนลุกลามไปที่ผนังและเครื่องปรับอากาศหลายตัว ชาวบ้านส่วนใหญ่ตั้งข้อสงสัยว่าเหตุอาจไม่ใช่ไฟฟ้าลัดวงจร แต่อาจเกิดจากการประกอบพิธีแล้วไม่ดับธูปเทียนให้สนิท
พระประสิทธิ์ ยังเผยว่า วันศุกร์ก่อนเกิดเหตุ พระอาทิตย์ได้เปิดโบสถ์ทำพิธีโดยไม่แจ้งให้ทราบ กระทั่งเวลาประมาณสามทุ่มกว่ามีชาวบ้านโทรมาบอกว่าไฟไหม้ ซึ่งหลังตำรวจเข้าตรวจที่เกิดเหตุและกั้นพื้นที่ไว้ กลับพบว่ามีการเข้าไปเคลื่อนย้ายของและทำความสะอาดจนหมดในช่วงกลางดึก จึงตั้งข้อสงสัยว่ามีเจตนาทำลายหลักฐานหรือไม่
พ.ต.ท.วินัย ลายละเอียด ระบุว่า ได้รับแจ้งความแล้ว และจะตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการย้ายทรัพย์สินก่อนพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจ พร้อมเร่งรัดผลการพิสูจน์สาเหตุเพลิงไหม้ เนื่องจากประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก
#ภูมิภาค-30








