ข่าวภูมิภาค

ชาวบ้านชายแดนบุรีรัมย์ไม่พอใจ “ทรัมป์” ระงับลดภาษีนำเข้า จี้แยกประเด็นความมั่นคง–ภาษี ชี้ไทยควรเด็ดขาดกว่านี้

แชร์ข่าว

ชาวบ้านชายแดนบุรีรัมย์ไม่เห็นด้วยที่ทรัมป์ขู่ระงับลดภาษีนำเข้า เหตุกดดันไทยปฏิบัติตามปฏิญญาไทย–กัมพูชา พร้อมเรียกร้องรัฐจริงจังแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 14 พ.ย.68 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เพื่อสอบถามความคิดเห็นของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ถึงกระแสข่าวที่ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ขอระงับการเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทย - สหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว และจะกลับมาเจรจาความตกลงดังกล่าวอีกครั้ง เมื่อฝ่ายไทยให้คำมั่นว่า จะปฏิบัติตาม Joint Declaration (ปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา)

โดยพบว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่กำลังเร่งเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกนาปี และนำมาผึ่งตากแดดให้แห้งสนิทดีก่อนนำไปขายยังโรงสี และนำเก็บไว้บริโภคในครัวเรือน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าวของ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่เข้ามาแทรกแซงประเทศไทย และควรแยกประเด็นเรื่องภาษี กับความมั่นคงชายแดนออกจากกัน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั้งผู้นำมาเลเซีย และผู้นำสหรัฐอเมริกา หยุดเข้ามาแทรกแซงเรื่องระหว่างไทยกับกัมพูชา ควรให้สองประเทศคู่กรณี เป็นฝ่ายหาข้อยุติกันเอง อีกทั้งมองว่าการเจรจาตกลงระหว่างไทยกับกัมพูชา มีการเจรจาตกลงมาแล้วกี่รอบ ฝ่ายกัมพูชาไม่เคยปฎิบัติตามข้อตกลงเลยสักครั้ง และอยากให้รัฐบาลจริงจัง มีความเด็ดขาด ในการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้น เพื่อที่ชาวบ้านแนวชายแดนจะได้ไม่ต้องอาศัยอยู่แบบหวาดผวา

นางสถิตพร บาลโสง อายุ 68 ปี ชาวบ้าน ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เข้ามาก้าวก่ายกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงการที่ออกมาระบุว่าจะระงับการเจรจาลดภาษีนำเข้า จนกว่าจะปฏิบัติตามปฏิญญาไทย-กัมพูชา โดยมองว่าหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบทั้งกัมพูชา และสหรัฐอเมริกา จึงไม่อยากให้มายุ่งกับบ้านเมืองของไทยเรา

โดยนายทรัมป์ ควรแยกเป็นเรื่องๆ ไป เรื่องภาษีก็ส่วนของภาษี เรื่องความมั่นคงก็เรื่องของความมั่นคงของประเทศเขาไป อยากให้แยกแยะกัน เพราะถ้าจะเอาสองเรื่องมารวมกันแบบนี้ มองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อประเทศไทย และยิ่งจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบในทุกด้าน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่บีบบังคับให้ประเทศไทยเรา ต้องยอมอ่อนข้อต่อรองต่างๆ ที่ นายทรัมป์ ตั้งมา และไม่ชอบเลย

ด้าน นายเพ็ง ภูตะดา อายุ 68 ปี ชาวบ้าน ต.โคกกระชาย อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา และควรให้ไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นคู่กรณีหาข้อยุติกันเอาเอง

เมื่อถามว่า หากทางผู้นำมาเลเซียและอเมริกา พยายามจะบีบบังคับให้ไทยไปทำข้อตกลงเจรจาสันติภาพกับกัมพูชาอีก นายเพ็ง บอกว่าตนเองไม่อยากให้นายกฯอนุทินไปทำข้อตกลงแบบนั้นอีกเลย เพราะว่าเจรจากันมากี่ครั้งแล้ว ผมว่าเด็กน้อยคุยกันยังคุยรู้เรื่องกว่านี้อีก และรู้สึกอิ่มเต็มทีแล้วกับการกระทำต่างๆของกัมพูชา อยากให้รัฐบาลมีความเด็ดมากกว่านี้ เพราะว่าประชาชนทุกคนพร้อม

อีกทั้งสงสารทหารหาญที่ต้องจากมาอยู่แนวชายแดนหลายเดือนแล้ว อยากให้แก้ไขปัญหานี้ให้จบลงโดยเร็ว เอาให้มันจบในรวดเดียวไปเลย เพื่อที่ปัญหาจะได้หมดไป นี่ถ้าหากรัฐบาลมีความเข้มแข็งและเด็ดขาดมากว่านี้ เขมรก็คงหยุดพฤติกรรมดังกล่าวเป็นแน่ เพราะโดยปกติแล้วเขมรกลัวไทยอยู่แล้ว แต่พอไทยอ่อนแอก็ทำให้เขมรได้ใจ มาทำการยั่วยวนอยู่แบบนี้ ถ้าไทยปฎิบัติการเต็มที่ไปเลยอย่างไรเขมรก็ยอมแน่

ขณะที่ นางสลิด เหิมฉลาด อายุ 73 ปี ชาวบ้าน ต.จันทบเพชรอ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ บอกว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอก จะมายึดได้อย่างไรก็เพราะเขมรมันมีเล่ห์เหลี่ยมขนาดนี้ มันไว้ใจไม่ได้พวกเขมร คุยกี่ทีก็ไม่เคยรู้เรื่อง และไม่เคยเชื่อใจเขมรเลยสักครั้ง ไม่ต้องไปพูดคุยเจรจาให้มากความ จะยิงก็ยิงกันไปเลยชาวบ้านพร้อมเต็มที่แล้ว ทุกวันนี้ชาวบ้านเลิกกลัวกันแล้วจะยิงก็ยิงกันเลย ซึ่งแต่ก่อนอาจจะวิตกหวาดกลัวการสู้รบกันแต่มาทุกวันนี้เลิกกลัวแล้ว จะทำอะไรก็รีบทำไป เพราะชาวบ้านระแวงไปทั่วทีปทั่วแดนแล้ว ไหนจะลูกเล็กเด็กแดง คนแก่ คนพิการ พออพยพไปก็ไปอยู่บ้านคนอื่นเขามันก็ไม่เหมือนอยู่บ้านตัวเอง

#ภูมิภาค-54

ข่าวแนะนำ