ประเพณี วัฒนธรรม : นำเกร็ดความรู้ด้านศาสนาในพิธีบำเพ็ญกุศล อุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เรื่อง : พระพุทธวิโลกนญาณบพิตรสิริกิตติธรรมโสตถิมงคล พระพุทธรูปประจำพระชนมวารของ “สมเด็จพระพันปีหลวง” โดยกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม พฤศจิกายน 2568 เผยแพร่
เมื่อปี พ.ศ. 2520 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร หรือ “พระพุทธรูปประจำวันพระราชสมภพ” เพื่ออัญเชิญประดิษฐานในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร บนฐานชุกชีด้านซ้ายของพระพุทธชินสีห์ พระประธานของพระอุโบสถ
พระพุทธรูปองค์นี้มี ความสูง 163 เซนติเมตร ซึ่งเป็นความสูงเท่าพระองค์จริง และได้ประกอบพิธีเททองหล่อโดย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนิน (เสด็จไปประกอบพิธี) เป็นการส่วนพระองค์ ณ มณฑลพิธีข้างพระอุโบสถ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2520
ต่อมา เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลฉลองพระพุทธรูป ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร โดยเสด็จร่วมเจริญพระพุทธมนต์ และทรงประกอบพิธีเฉพาะพระองค์ ได้แก่ ทรงเบิกพระเนตร (เปิดดวงพระเนตรพระพุทธรูปตามธรรมเนียมการประดิษฐานองค์พระครั้งแรก) ทรงเช็ดแววพระเนตรด้วยผ้าชุบน้ำพระสุคนธ์ (ผ้าชุบน้ำอบน้ำหอม) ทรงเจิมแผ่นป้ายนามพระพุทธรูป ทรงถวายผ้าทรงสะพัก (ผ้าเฉวียงบ่าที่พระพุทธรูปทรงครองในโอกาสพิเศษ) พร้อมพระราชทานพระนามว่า “พระพุทธวิโลกนญาณบพิตรสิริกิตติธรรมโสตถิมงคล” ความหมายคือ “พระพุทธเจ้าผู้ทรงมีพระญาณสอดส่อง พระผู้เป็นที่ปลื้มใจ และอำนวยธรรมให้นำมาซึ่งความสวัสดิมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ”
ลักษณะทางศิลปกรรม ม.ร.ว.สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์ ได้อธิบายในวารสารศิลปวัฒนธรรม (สิงหาคม 2533) ว่า พระพุทธรูปองค์นี้สร้างตามพุทธศิลป์แบบสุโขทัย อยู่ในอิริยาบถประทับยืน “ปางรำพึง” คือ ยกพระหัตถ์ทั้งสองทาบพระอุระ (อก)
พุทธลักษณะเฉพาะแบบสุโขทัย ได้แก่ พระพักตร์รูปไข่ พระขนง (คิ้ว) โก่ง พระเนตรเรียวยาวคล้ายกลีบบัว พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์ยิ้มละมุน ขมวดพระเกศาเป็นก้นหอย และมีเปลวรัศมีเหนือพระเศียร พระอังสาใหญ่ บั้นพระองค์เล็ก ครองจีวรห่มคลุมทั้งสองพระอังสา ลักษณะเหล่านี้จัดอยู่ในกลุ่มศิลปะสุโขทัยหมวดใหญ่ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพุทธศิลป์ที่งดงามที่สุดของไทย
นอกจากนี้ พระพุทธรูปองค์นี้ยัง ทรงพระภูษาตาดทอง (ลวดลายทอง) ประดับ พระนามาภิไธยย่อ “ส.ก.” บริเวณพระอังสาขวา
ความหมายของ “ปางรำพึง”
คำว่า ปาง หมายถึง ลักษณะท่าทางของพระพุทธรูปที่แสดงถึงอิริยาบถต่างๆ ปางรำพึงมีที่มาจากตอนหนึ่งในพุทธประวัติ เมื่อพระพุทธเจ้าประทับใต้ต้นอชปาลนิโครธ หลังการตรัสรู้ และทรงรำพึงถึงความลึกซึ้งของสัจธรรม จนไม่ประสงค์จะสั่งสอน เพราะเกรงว่ามนุษย์จะไม่เข้าใจ ภายหลัง ท้าวสหัมบดีพรหมได้กราบทูลอาราธนา จึงทรงตัดสินพระทัยประกาศพระธรรมโปรดเวไนยสัตว์
ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้จัดหมวดพุทธอิริยาบถเป็น 40 ปาง โดยปางรำพึงเป็นปางที่ 28 ขณะเดียวกัน ในทางพิธีทักษานพเคราะห์ พระศุกร์ ใช้พระปางรำพึงเป็นรูปเคารพประจำดวงดาว ดังนั้น “ปางรำพึง” จึงมี ความหมาย 2 นัย
1. พระพุทธเจ้าทรงรำพึงถึงธรรมก่อนประกาศพระธรรม
2. ปางสำหรับบูชาพระศุกร์ในพิธีทักษานพเคราะห์
เหตุผลที่ทรงเลือก “ปางรำพึง”
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชสมภพในวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2475
ตามคติทักษานพเคราะห์ วันศุกร์มีพระพุทธรูปประจำวัน คือ พระปางรำพึง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมวารเป็นปางรำพึง อันเป็นมงคลตามวันพระราชสมภพ
ที่มา : เกร็ดความรู้ด้านศาสนาในพิธีบำเพ็ญกุศล อุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เรื่อง : พระพุทธวิโลกนญาณบพิตรสิริกิตติธรรมโสตถิมงคล พระพุทธรูปประจำพระชนมวารของ “สมเด็จพระพันปีหลวง” โดยกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม พฤศจิกายน 2568 เผยแพร่, บูรพา โชติช่วง
#พระพันปีหลวง #พระพุทธรูปประจำพระชนมวาร #วันศุกร์ปางรำพึง #วัดบวรนิเวศวิหาร #กรมการศาสนา #กระทรวงวัฒนธรรม #พระพุทธรูปสำคัญของไทย








