กรมส่งเสริมสหกรณ์ทุ่มงบกว่า 4 หมื่นล้าน เดินหน้า 2 มาตรการใหญ่ พยุงราคาข้าวหอมมะลิ ชะลอการขาย–รวบรวมผลผลิต หนุนราคาตลาดแตะ 13,800 บาทต่อตัน
วันที่ 19 พ.ย.68 นายนิรันดร์ มูลธิดา อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เดินหน้าตามมาตรการของรัฐบาลเพื่อ ช่วยเหลือและพยุงราคาข้าวเปลือก นาปี ปีการผลิต 2568/2569 โดยใช้ กลไกของสหกรณ์การเกษตร เป็นเครื่องมือหลัก พร้อมอัดงบประมาณรวมกว่า 40,000 ล้านบาท ผ่าน 2 มาตรการสำคัญเพื่อรับมือกับผลผลิตที่ออกสู่ตลาดจำนวนมาก มาตรการแรกคือ โครงการชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โดยตั้งเป้าหมายสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไว้ที่ 12,000 ล้านบาท สำหรับสหกรณ์ 133 แห่ง ใน 37 จังหวัด เพื่อให้เกษตรกรเก็บรักษาผลผลิตไว้ในยุ้งฉาง โกดัง หรือไซโลของสหกรณ์ เพื่อรอจังหวะจำหน่ายเมื่อราคาสูงขึ้น โครงการนี้กำหนดค่าเก็บรักษาอยู่ที่ 1,500 บาทต่อหน่วย ซึ่งแบ่งเป็นค่าตอบแทนแก่เกษตรกร 500 บาท และค่าเก็บรักษาข้าว 1,000 บาท โดยครอบคลุมข้าวหอมมะลิ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกปทุม และข้าวเหนียว
มาตรการที่สองคือ โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2566-69 โดยมีเป้าหมายในการใช้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจาก ธ.ก.ส. จำนวน 28,000 ล้านบาท ผ่านสหกรณ์ 295 แห่ง ใน 57 จังหวัด เพื่อใช้ในการรวบรวมผลผลิตและนำไปจำหน่ายนอกพื้นที่ หรือนำไปแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้เตรียมเงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำเพียงร้อยละ 1 (เงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ หรือ กพส.) ไว้ประมาณ 315 ล้านบาท เพื่อให้สหกรณ์นำไปซื้อและรวบรวมข้าวก่อนในช่วงที่ยังไม่ได้รับสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. ซึ่งขณะนี้มีการเบิกจ่ายเกือบ 100% แล้ว โดยรวมทั้งสองโครงการมีแผนการรวบรวมผลผลิตทั้งหมด 4 ล้านตัน ผ่านสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร 428 แห่ง ใน 57 จังหวัด และ ณ ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 10 พ.ย. 68) สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ 211 แห่ง ใน 43 จังหวัด ได้รวบรวมข้าวไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 367,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,200 ล้านบาท
มาตรการเหล่านี้มีจุดประสงค์สำคัญเพื่อ พยุงและกระตุ้นราคาข้าวในตลาด โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิซึ่งมีปริมาณมาก โดยกรมฯ ใช้กลยุทธ์เข้า "แทรกแซงราคา" ด้วยการให้สหกรณ์รับซื้อใน ราคานำตลาด เพื่อสร้างการแข่งขันกับโรงสีและพ่อค้าคนกลาง โดยในช่วงแรกสหกรณ์อาจนำราคาตลาด 20-30 สตางค์ และเปิดจุดรับซื้อพร้อมกันหลายจุด ตัวอย่างความสำเร็จ เช่น ที่สหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ขณะนี้รับซื้อข้าวสดที่มีความชื้นตั้งแต่ 25% ขึ้นไป ในราคา 13.80 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 13,800 บาทต่อตัน ซึ่งถือเป็นราคาที่นำตลาดและช่วยพยุงราคาข้าวได้อย่างชัดเจน
บทบาทของสหกรณ์เป็นเสมือน "กลไกกันชน" ที่ช่วยแก้ปัญหาอุปทานล้นตลาดและการกดราคาในช่วงที่ข้าวออกพร้อมกัน โดย มิติที่ 1 คือ การชะลอการขาย ผ่านโครงการสินเชื่อชะลอการขายฯ ซึ่งเปลี่ยนจากการ "ขาย" เป็นการ "ฝาก" ข้าวไว้ที่ยุ้งฉางสหกรณ์ เกษตรกรจะได้รับเงินสดทันทีเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ทำให้ข้าวจำนวนมากถูก "ดูดซับ" ออกจากตลาดชั่วคราว และ มิติที่ 2 คือ การลดการกดราคา ผ่านการเปิดจุดรับซื้อเพื่อ "สร้างการแข่งขัน" โดย ณ วันที่ 10 พ.ย. 68 สหกรณ์เปิดจุดรับซื้อรวม 312 จุด ใน 43 จังหวัด และเข้าซื้อในราคานำตลาดอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ระบบสหกรณ์ยังเข้าช่วยเหลือปัญหาเร่งด่วน เช่น ข้าวที่มีความชื้นสูง จากการที่เกษตรกรเร่งเกี่ยวหนีฝน โดยมีการจัดตั้ง โรงอบ เพื่อรับซื้อข้าวความชื้นสูงเข้ามาอบก่อนจำหน่าย รวมถึงการเปิด ลานตากฟรี และบริการรถเกี่ยว-รถขนส่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้เกษตรกรสามารถนำข้าวมาจำหน่ายที่สหกรณ์ได้ง่ายขึ้น กรมฯ มั่นใจว่าระบบสหกรณ์ซึ่งมีศักยภาพและเปิดจุดรวบรวมมากกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้าง "กำแพงกั้นน้ำ" ให้แก่ราคาข้าว เพื่อช่วยยกระดับราคาพื้นฐานและป้องกันไม่ให้พ่อค้าคนกลางเข้ามากดราคาได้ง่าย
ในด้านการส่งเสริมการตลาดและการเพิ่มมูลค่าว่า สหกรณ์ที่มีโรงสีสามารถ สีข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร ภายใต้ตราสินค้าของสหกรณ์เพื่อเพิ่มมูลค่า และจำหน่ายผ่านหลายช่องทาง ทั้งในเครือข่ายสหกรณ์ สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์ออมทรัพย์ การค้าขายในประเทศ การทำสัญญาซื้อขาย (Contract Farming) กับลูกค้าประจำ รวมถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น สุราชุมชนจากข้าวเหนียว และผลิตภัณฑ์หลากหลายจากข้าว เช่น สบู่ข้าว และข้าวพร้อมทาน เป็นต้น
“กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มุ่งเน้นการส่งเสริมและพัฒนาสินค้า ข้าวอัตลักษณ์พื้นถิ่น ให้สหกรณ์ เช่น ข้าวหอมขาวเจ๊ก ข้าวหอมมะลิดำสายน้ำแร่แจ้ซ้อน และข้าวปะกาอำปึล พร้อมสนับสนุนการจัดทำบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย และส่งเสริมการจำหน่ายผ่าน ช่องทางออนไลน์ (Facebook, TikTok) เพื่อให้สหกรณ์เป็นช่องทางจำหน่ายข้าวคุณภาพของสมาชิกสู่ผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนในห่วงโซ่การตลาด ทำให้เกษตรกรได้รับราคาที่เป็นธรรม สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพ และส่งเสริมความยั่งยืนในอาชีพทำนา” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
#กรมส่งเสริมสหกรณ์ #ราคาข้าวหอมมะลิ #พยุงราคาข้าว #ชะลอการขายข้าว #สหกรณ์การเกษตร







