Reading China+

พันธสัญญาอูเจิ้น 10 ปี : จับมือร่วมสร้างสรรค์ประชาคมโลกในโลกไซเบอร์ที่มีชะตากรรมร่วมกัน

แชร์ข่าว

การประชุมสุดยอดอินเทอร์เน็ตโลก (WIC) หรือ Wuzhen Summit ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองอูเจิ้น เมืองน้ำโบราณทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซี ระหว่างวันที่ 6 ถึง 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้ดึงดูดความสนใจจากนานาชาติให้กลับมาจับจ้องอีกครั้ง การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อหลัก “ร่วมสร้างสรรค์อนาคตดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ที่เปิดกว้าง ร่วมมือ ปลอดภัย และให้ประโยชน์ถ้วนหน้า” โดยมีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นการครบรอบ 10 ปี ของการเสนอแนวคิดการสร้างประชาคมโลกในโลกไซเบอร์ที่มีชะตากรรมร่วมกัน ซึ่งมีความสำคัญในการวางรากฐานสำหรับก้าวสู่อนาคตต่อไป

ช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาของการประชุมอินเทอร์เน็ตโลกมีจุดเริ่มต้นจากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ณ เมืองอูเจิ้น ในปี ค.ศ. 2014 ซึ่งการประชุมครั้งแรกนี้ได้เปิดเส้นทางใหม่สำหรับการกำกับดูแลอินเทอร์เน็ตในระดับโลก ต่อมาในปี ค.ศ. 2015 ได้มีการเสนอ แนวคิดการสร้างประชาคมโลกในโลกไซเบอร์ที่มีชะตากรรมร่วมกัน พร้อมกับการนำเสนอ “หลักการ 4 ข้อ” และ “ข้อเสนอ 5 ประการ” อย่างเป็นระบบ ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ได้กลายเป็นพิมพ์เขียวหรือแผนการแก้ไขปัญหาการพัฒนาอินเทอร์เน็ตทั่วโลกในแบบฉบับจีนที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

นายเหริน เสียนเหลียง เลขาธิการการประชุมอินเทอร์เน็ตโลกให้ความเห็นว่า การประชุมสุดยอดอูเจิ้นได้กลายเป็น“สะพานและสายใยที่ใช้ในการรวมฉันทามติจากทุกฝ่าย” ซึ่งเป็นบทบาทที่ประชาคมโลกให้การยอมรับอย่างกว้างขวาง ขณะที่นายฟรานซิส กอร์รี่ รองประธานสภาการประชุมฯ ได้เปรียบเทียบการประชุมสุดยอดอูเจิ้นว่าเป็น “ศูนย์บ่มเพาะ” ที่รวบรวมการอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดทั้งหมดไว้ด้วยกัน พร้อมเน้นย้ำว่าการผ่านเวทีเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้แนวคิดถูกแปรเปลี่ยนไปสู่การปฏิบัติจริง และนำพาฉันทามติไปสู่การดำเนินการที่เป็นรูปธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การประกาศผล “กรณีศึกษาที่เป็นเลิศในการร่วมสร้างประชาคมโลกในโลกไซเบอร์ที่มีชะตากรรมร่วมกัน” หนึ่งในกิจกรรมสำคัญของการประชุมสุดยอด ได้ถูกจัดขึ้นในช่วงการประชุม โดยในปีนี้ได้มีการประกาศกรณีศึกษาจำนวน 12 เรื่องกรณีศึกษาเหล่านี้ได้นำเสนอเรื่องราวอันน่าประทับใจของความร่วมมือระหว่างประเทศในโลกไซเบอร์จากนานาประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมอย่างโดดเด่นและชัดเจน

ในนมิติของความมั่นคงทางไซเบอร์ นั้น “แผนงานสร้างศักยภาพทางไซเบอร์ระหว่างประเทศ” ของ Kaspersky ได้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างลึกซึ้ง นายหลี่ เหิง ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการรัฐบาลและนโยบายสาธารณะประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Kaspersky อธิบายว่า แผนงานดังกล่าวมีเป้าหมายหลักในการช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนามีแนวป้องกันความปลอดภัยดิจิทัลที่แข็งแกร่งที่ผ่านการฝึกอบรมตลอดกระบวนการ ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบซอร์สโค้ดและการสร้างแบบจำลองภัยคุกคาม เป็นต้น

การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านอารยธรรมได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในโลกไซเบอร์ โดยในการแข่งขัน “มรดกไม่มีวันสูญหาย” ณ พิพิธภัณฑ์ซากปรักหักพังวัดต้าเป้าเอิน เมืองหนานจิง มีเยาวชนรุ่นใหม่จาก 19 ประเทศเข้าร่วมและได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลชุบชีวิตเจดีย์เครื่องเคลือบที่เคยสาบสูญไป นายหวัง เหวินซี ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ กล่าวถึงความสำคัญของกิจกรรมนี้ว่า “เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลมาบรรจบกับมรดกทางวัฒนธรรม และเมื่อเยาวชนทั่วโลกร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายร่วมกัน เราไม่เพียงแต่ปกป้องประวัติศาสตร์ แต่ยังสร้างความทรงจำแห่งอนาคตอีกด้วย”

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่ โดย นายจ้าว โฮ่วหลินอดีตเลขาธิการสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศชี้ว่า “ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลแบบใหม่ยังคงเกิดขึ้น และกลุ่มเปราะบางทางดิจิทัลกลุ่มใหม่ก็ปรากฏตัวอย่างต่อเนื่อง” ดังนั้น ประเด็นจริยธรรมของปัญญาประดิษฐ์ และการไหลเวียนของข้อมูลข้ามพรมแดน จึงต้องการการกำกับดูแลร่วมกันในระดับโลกอย่างเร่งด่วน โดยมีเป้าหมายคือ “เปลี่ยนช่องว่างทางดิจิทัลให้เป็นเส้นทางเชื่อมโยงทางดิจิทัลและให้ทุกประเทศทั่วโลกได้รับผลประโยชน์ร่วมจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล”

นายคริส บาริโอมอนซี รัฐมนตรีกระทรวงข่าวสารและเทคโนโลยีสารสนเทศยูกันดา ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติและผู้ได้รับประโยชน์จากแนวคิดการสร้างประชาคมโลกในโลกไซเบอร์ที่มีชะตากรรมร่วมกัน มองว่า หากทุกประเทศละทิ้งความคิดแบบผลรวมเป็นศูนย์ และยึดมั่นในหลักการปรึกษาหารือร่วมกัน ร่วมสร้างสรรค์ และแบ่งปันผลประโยชน์ ก็จะสามารถลดช่องว่างทางดิจิทัลได้สำเร็จและทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลก

ผู้เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นร่วมกันว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา แนวคิดการสร้างประชาคมโลกในโลกไซเบอร์ที่มีชะตากรรมร่วมกันได้พัฒนาจากข้อเสนอของจีนสู่การเป็นฉันทามติสากลและแนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมทั่วโลก ดังนั้น บนจุดเริ่มต้นทางประวัติศาสตร์ครั้งใหม่นี้ การค้นหาแนวทางและการพัฒนาที่เริ่มต้นจากเมืองอูเจิ้นจะยังคงขยายตัวอย่างลึกซึ้ง เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ในการสร้างโลกไซเบอร์ที่มีความเป็นธรรม เปิดกว้าง ปลอดภัย และมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น

แชร์ข่าว