“ศศิน” ชี้น้ำท่วมหาดใหญ่สะท้อน “จุดอ่อนระบบน้ำไทย”จี้ รบ.บุรีรัมย์ทบทวนแต่งตั้ง “เลขาฯ สทนช.”พร้อมรื้อระบบเตือนภัย
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 นายศศิน เฉลิมลาภ นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นักวิชาการอิสระ อดีตประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียรโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ ว่า
#ร่างจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลบุรีรัมย์
เรื่อง: ขอให้ทบทวนการแต่งตั้งเลขาธิการ สทนช. และเร่งปรับปรุงกติกาการประกาศภัยพิบัติของ ปภ. ให้ทันสมัย
เรียน รัฐบาลบุรีรัมย์
โดยเฉพาะท่าน รองนายกรัฐมนตรีโสภณ ซารัมย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล
ด้วยความเคารพอย่างสูง ผมขอส่งสารฉบับนี้ในฐานะประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ที่พอจะมีความรู้ความเข้าใจปัญหาการจัดการน้ำของประเทศไทยอยู่บ้าง โดยเชื่อว่ารัฐบาลปัจจุบันยังมีโอกาส "ปิดจุดอ่อนเชิงระบบ" ที่แก้ได้ทันทีและมีผลต่อชีวิตผู้คนนับล้าน
1) ขอให้ทบทวนการนำคนนอกวงการน้ำ มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สทนช.ตำแหน่งนี้เป็น "หัวใจของการบูรณาการข้อมูลและบัญชาการน้ำระดับประเทศ" ต้องการประสบการณ์จริงมากกว่าการบริหารทั่วไปที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับบทเรียนอย่างหนักจากการประเมินสถานการณ์ช้าการสื่อสารระหว่างหน่วยงานที่สะดุดการกลัวผิดจนไม่กล้าประกาศเตือนภัย การขาดความเข้าใจเชิงระบบระหว่างน้ำหลาก-น้ำล้นตลิ่ง-น้ำทุ่ง หากแต่งตั้งคนนอกวงการน้ำเข้ามา จะยิ่งซ้ำเติมรอยร้าวนี้ และกระทบต่อความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่ภาคสนามทั่วประเทศ โดยเฉพาะช่วงที่พายุและฝนสุดขั้วกำลังกลายเป็นปกติใหม่ ผมขอเสนอให้รัฐบาลพิจารณา ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำเชิงระบบ เป็นหลักเกณฑ์สำคัญที่สุด และขอให้ คณะรัฐมนตรีออกหลักคุณสมบัติของผู้จะเป็นเลขาธิการ สทนช. อย่างเป็นทางการ เช่นมีประสบการณ์ด้านบริหารจัดการน้ำอย่างน้อย 20 ปีเคยรับผิดชอบข้อมูลน้ำ/บัญชาการน้ำระดับประเทศเข้าใจโครงสร้าง สทนช.-ชป.-กรมอุตุ-ปภ.-ชลประทานจังหวัดผ่านการทำงานร่วมกับพื้นที่จริง ไม่ใช่งานเอกสารอย่างเดียวนี่ไม่ใช่การคัดค้านตัวบุคคล แต่เป็นการขอให้รัฐบาล "ใช้ตำแหน่งนี้ขับเคลื่อนประเทศ" ไม่ใช่ "ตอบแทนทางการเมือง"
2) ขอให้แก้ไขระเบียบของ ปภ. เพื่อให้อำนาจประกาศภัยพิบัติ 'ก่อนภัยเกิด' นี่คือจุดอ่อนเชิงโครงสร้างที่ทำให้ประเทศไทยแพ้ภัยธรรมชาติตั้งแต่ยังไม่เริ่มปฏิบัติการ ระเบียบปัจจุบันกำหนดให้ "ต้องเกิดเหตุแล้ว" จึงประกาศภัยได้ซึ่งขัดกับหลักสากลของระบบ Early Warning System ทั้งหมดประเทศที่จัดการน้ำดี เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม ล้วนให้รัฐประกาศเตือนภัยล่วงหน้าได้ตามข้อมูลคาดการณ์แบบ Nowcast และ Forecast เพื่อให้:ชาวบ้านรู้ตัวก่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดเริ่มเตรียมแผนเคลื่อนย้ายปภ. กระจายทรัพยากรล่วงหน้าได้กรมอุตุ-สสน.-ชป. มี command ที่ชัดเจนร่วมกันปัจจุบัน ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (อนุทิน) มีอำนาจ "แก้ระเบียบนี้ได้ทันที" โดยไม่ต้องแก้กฎหมายการทำให้ไทยประกาศภัยก่อนภัยมา จะเป็น "ผลงานระดับประเทศ" และช่วยชีวิตประชาชนจริงในฤดูพายุทุกปี
3) นี่คือโอกาสที่รัฐบาลบุรีรัมย์จะแสดง 'ภาวะผู้นำเชิงนโยบาย'วันนี้ประชาชนไม่ได้ต้องการเพียงตำแหน่งที่ลงตัวทางการเมืองแต่ต้องการ "ระบบจัดการน้ำที่ทันสมัย ปลอดภัย และกล้ารับผิดชอบ"
รัฐบาลสามารถส่งสัญญาณเชิงนำได้ทันทีด้วย 3 ข้อ:เลือกเลขาธิการ สทนช. ที่เหมาะสมจริงแก้ระเบียบ ปภ. เพื่อประกาศภัยล่วงหน้าได้ออกเกณฑ์คุณสมบัติผู้บริหารน้ำระดับประเทศแบบโปร่งใส
ทั้งสามเรื่องนี้ "ไม่ขัดการเมือง"และจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งเจ้าหน้าที่-ผู้ว่าราชการจังหวัด-ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงตลอดแนวแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสายหลักทั่วประเทศ
ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ด้วยเจตนารมณ์เดียว คือ ไม่อยากเห็นประชาชนสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินแบบเดิมอีกหากรัฐบาลกล้าทำ 2-3 เรื่องนี้ ประเทศไทยจะยกระดับการจัดการภัยพิบัติได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มแม้แต่บาทเดียว
ด้วยความเคารพ
ผู้ประสบอุทกภัยคนหนึ่งในปีนี้








