ข่าวคุณภาพชีวิต

โรงเรียนเบาหวาน รพ.หนองกุงศรี เจ๋งจริง ผสานหลายศาสตร์ ฝึก "สติสู้โรค" ช่วยผู้ป่วยลดยา -หยุดยา ได้สำเร็จ

แชร์ข่าว

สถานการณ์โรคเบาหวานในประเทศไทยน่าเป็นห่วงยิ่ง หลังพบอัตราความชุกของโรคในคนไทยเพิ่มขึ้นจาก 6.6% ในปี 2563 เป็น 10.6% ในปี 2568 โดยมีจำนวนผู้ป่วยเบาหวานในประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านคน ในระยะเวลาเพียง 5 ปี

จากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 7 พ.ศ. 2567-2568 ดำเนินการโดยคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ยังเผยให้เห็นข้อมูลความชุกของโรคเบาหวานรายภาค พบ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอัตราผู้ป่วยเบาหวานและอัตราการเสียชีวิตจากโรคเบาหวานสูงสุด

ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน และคณะ เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมชมและติดตามผลการดำเนินงาน โครงการบูรณาการภาคีเพื่อขับเคลื่อนลดการบริโภคน้ำตาลและส่งเสริมการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ ณ โรงพยาบาลหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์

สถานการณ์โรค NCDs และปัญหาสุขภาพ อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ 5 อันดับโรคที่ผู้ป่วยนอกเดินทางมาเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลหนองกุงศรี ปี 2568 อับดับ 1 โรคเบาหวาน รองลงมา โรคไตเรื้อรัง โรคความดันโลหิตสูง โรคไข้หวัด และโรคกระเพาะอาหาร ตามลำดับ

ในส่วนผู้ป่วยเบาหวานพบมากกว่า 4,000 คน

• เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย 2 เท่า

• 3 ใน 4 ของผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุ

• 3 ใน 4 ของผู้ป่วยเบาหวาน มีภาวะอ้วน

• ระยะเวลาที่ป่วยเป็นเบาหวาน 52% เป็นมามากกว่า 5 ปี

ผลไม้ประจำถิ่นที่หวานจัด

“ยิ่งพอถึงช่วงฤดูกาลมะม่วงมหาชนก หากตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดก็จะสูงมากเป็นพิเศษ นอกจากมะม่วงแล้ว ยังมีการปลูกอินทผลัมด้วย ถือเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีความหวานจากน้ำตาลธรรมชาติสูง” นายแพทย์สัญญา สุปัญญาบุตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองกุงศรี ชี้ให้เห็นถึงมะม่วงมหาชนก ผลไม้ประจำถิ่นที่ส่งเสริมการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งสอดรับกับข้อมูลจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ติดอันดับต้นๆ มีผู้ป่วยโรคเบาหวานมากสุดในประเทศ

ซึ่งจากความท้าทายดังกล่าว ทำให้ทางโรงพยาบาลหนองกุงศรีได้พัฒนาระบบการดูแลเพื่อรับมือกับปัญหา NCDs อย่างเข้มข้น โดยมีจุดเด่นเรื่องของการบริการสุขภาพที่ครอบคลุม ทั้ง NCDs Clinic การดำเนินงานในการควบคุมโรคเบาหวาน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในคลินิกเบาหวาน หรือ "โรงเรียนเบาหวาน สู่เบาหวานระยะสงบ (DM Remission)" เพื่อพลิกฟื้นสุขภาพของผู้ป่วยให้กลับมาดีขึ้น

ด้านนายแพทย์ทนงศักดิ์ ราชเจริญ แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ให้ข้อมูลถึงการก่อตั้ง โรงเรียนเบาหวาน หากดูกราฟย้อนหลัง 5 ปี (2564-2568) แสดงตัวเลขชัดว่า อัตราผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ มีแนวโน้มลดลง

“แต่สำหรับการควบคุมผู้ป่วยกลุ่ม DM Remission การดูแลผู้ป่วยให้เป็นไปตามเป้าหมายทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากวัฒนธรรมประเพณีอาหารภาคอีสานจะมีข้าวเหนียว เป็นอาหารหลัก และหลังจากกลับจากการทำงานหนักมาตลอดวัน เน้นหนักไปทางอาหารมื้อเย็น รวมถึงพฤติกรรมชอบรับประทานอาหารหวาน ของหวานด้วย”

จากปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานที่ควบคุมได้ยาก ได้ส่งผลต่อการดำเนินงาน NCDs โดยเฉพาะตัวชี้วัดสำคัญ คือ การวัดปริมาณน้ำตาลในเลือด (HbA1c)

“ผู้ป่วยเบาหวานต้องควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีมากกว่า 40% ทางโรงพยาบาลหนองกุงศรี ทำได้แค่ 30% ต่างจากโรคความดันโลหิต ที่ไม่ต้องควบคุมด้านอาหารสามารถดูแลผู้ป่วยได้ค่อนข้างดีกว่า และแม้ว่าผู้ป่วยเบาหวานจะได้รับคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ในการให้ความรู้ต่างๆ แล้วก็ตาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ด้วยไลฟ์สไตล์ของชาวบ้าน ” นพ.ทนงศักดิ์ ให้มุมมองถึงการทำงาน และปัญหาที่ต้องเจอเมื่ออยู่หน้างานจริง

ขยาย "โรงเรียนเบาหวาน" สู่รพ.สต.อีก 5 แห่ง

นอกจากนี้ การดำเนินงาน "โรงเรียนเบาหวาน" โรงพยาบาลหนองกุงศรี ได้มีการดำเนินงานควบคุมและดูแลโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง (HT) ภายใต้การบริหารระบบบริการสุขภาพ NCDs Clinic โดยมีกระบวนการที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับ Primary, Secondary, จนถึง Tertiary

โดยผู้ป่วยกลุ่ม DM และ HT จะถูกขึ้นทะเบียนทุกรายและได้รับการคัดกรองภาวะแทรกซ้อน (ตา ไต เท้า ) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง รวมถึงการจัดการความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด (CVD risk) ด้วย

ส่วนกลุ่มที่สงสัยป่วยจะถูกส่งยืนยันวินิจฉัยและเข้าคลินิกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรายบุคคล/รายกลุ่ม และติดตามต่อเนื่อง ซึ่ง "โรงเรียนเบาหวาน" เป็นส่วนสำคัญในระดับ Secondary มุ่งเน้นการดูแลกลุ่มที่คุมระดับน้ำตาลได้ดี (HbA1C < 6.5%) ให้เข้าสู่ระยะสงบ คือ หยุดยา

นพ.ทนงศักดิ์ ยังอธิบายเพิ่มเติมถึงแนวทางการดำเนินงาน สำหรับกลุ่มป่วยเบาหวาน คือ โปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 3 อ. (อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์) 2 ส. (ฝึกสติแบบสั้น) โดยเน้นการควบคุมแบบเข้มงวด โดยเฉพาะด้านอาหาร (เช่น อาหารพร่องแป้ง, Low carb) การอดอาหารเป็นช่วง (IF) การออกกำลังกายสัปดาห์ละ 5 วัน โดยทีมแพทย์แผนไทย และการจัดการความเครียด มีการตั้งเป้าหมายร่วมกันคือ น้ำหนักลดลง 10-15% และ HbA1C < 6.5%

“การฝึกสติสู้เบาหวานแบบสั้น (MBBI) มี 4 ขั้นตอน 1.ฝึกสมาธิคลายเครียด ผ่อนคลาย 2.ฝึกสติการเคลื่อนไหว 3.ฝึกสติในการกิน ก่อนกินพิจารณาอาหาร ขณะกินการเคี้ยว กลืน และสติหลังกินอาหาร 4.สติในการควบคุมอารมณ์ หลังฝึกสติสู้เบาหวาน เพื่อจัดการความเครียด ประกอบกับทีมดูแลสร้างแรงบันดาลใจ เราพบว่า ผู้ป่วยหลายคนสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น”

และทั้งหมด คือ ผลการดำเนินงานจาก "โรงเรียนเบาหวานสานสุข" อำเภอหนองกุงศรี รุ่นแรก (ก.พ.-มิ.ย. 67) พบว่า จากผู้เข้าร่วม 40 ราย มี 34 ราย มีค่า HbA1C ลดลง และมีผู้ที่สามารถหยุดยาได้ 2 ราย และลดยาได้ 5 ราย

ล่าสุดปี 2568 โรงพยาบาลหนองกุงศรี มีการขยายผลการดำเนินงาน NCDs Remission Clinic มีผู้เข้าร่วม 280 คน ลดยาเบาหวานได้ 73 คน หยุดยาได้ 147 คน และสามารถเข้าสู่เบาหวานระยะสงบได้ 26 คน ที่สำคัญ คือ การขยายเครือข่ายโรงเรียนเบาหวาน ไปยังรพ.สต.ได้อีก 5 แห่ง

ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผู้จัดการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน มองว่า ที่ผ่านมาโรงพยาบาลหลายแห่ง มีแนวทางการจัดทำคลินิก DM remission ที่ดีอยู่แล้ว แต่ผู้ร้ายสำคัญคืออาหาร ฉะนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจัดการสิ่งแวดล้อมด้านอาหารในระดับชุมชน จึงถือเป็นโจทย์ที่เครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวานจะทำงานร่วมกับโรงพยาบาล ในเรื่องนวัตกรรมอาหารทดแทน สำหรับผู้ป่วยเบาหวานต่อไป

“รำไพ ดอนอ่อนเบ้า” อายุ 64 ปี ป่วยเป็นเบาหวานมากกว่า 5 ปี ปัจจุบันสามารถหยุดยาเบาหวานได้ 1 ปีแล้ว โดยคุณหมอจะนัดทุกๆ 2 เดือน เจาะเลือดติดตามอาการ บอกว่า จากการได้เข้าร่วมในหลายๆ กิจกรรมของคลินิกเบาหวาน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับผู้ป่วยอีกหลายๆ คน เมื่อเห็นบางคนหยุดยาได้ น้ำหนักตัวลด ค่าเลือดดีขึ้น มีบุคคลต้นแบบ ก็เกิดกำลังใจให้อยากมีสุขภาพดีบ้าง

เธอจึงมองว่า การหยุดยาเบาหวานได้ สำคัญสุดอยู่ที่ใจ การปรับพฤติกรรมการกินอาหาร ปรับมากินข้าวสวย เน้นผักสด และเนื้อปลา ตามคุณหมอแนะนำ รวมถึงการออกกำลังกายเป็นประจำด้วย

ส่วน เนตรชนด ภูจีวร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลหนองกุงศรี บอกว่า เกณฑ์การควบคุมเบาหวานในผู้ป่วยปกติ อยู่ที่ 7% นั้นหมายถึง น้ำตาลสะสม HbA1c < 7% กรณีผู้ป่วยของโรงเรียนเบาหวานสามารถหยุดยาได้ คือ เกณฑ์ DM Remission วัดค่า HbA1c < 6.5%

“เดิมเราตั้งต้นโรงเรียนเบาหวานในโรงพยาบาล จากนั้นมีการขยายเข้าไปในชุมชน ในหมู่บ้าน เกิดโรงเรียนเบาหวานคณาราม โครงการต้นแบบที่บูรณาการวัดเป็นศูนย์เรียนรู้สุขภาพสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและประชาชนในชุมชน”

โรงเรียนเบาหวาน โรงพยาบาลหนองกุงศรี ถือเป็นต้นแบบสำคัญในการต่อสู้กับปัญหา ในบริบทของพื้นที่ที่เผชิญกับความท้าทายด้านวัฒนธรรมอาหาร ด้วยการผสานศาสตร์แห่งการฝึกสติสู้โรค และการปรับพฤติกรรมอย่างเข้มงวด ทำให้ผู้ป่วยหลายรายมีกำลังใจ สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น นับเป็นความสำเร็จที่พร้อมขยายผลไปยังชุมชน เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

แชร์ข่าว