วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำโดยระบุว่า การบริหารจัดการน้ำในปัจจุบันจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างและพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งกำลังเกิดอุทกภัยอย่างหนัก
สำหรับสถานการณ์ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่จังหวัดนครสวรรค์ลงมา มีแนวโน้มปริมาณน้ำที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การบริหารจัดการน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยลดลงจากเมื่อวานประมาณ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งนับเป็นสถานการณ์ที่ดี เนื่องจากระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และอยุธยา ได้ลดลงจากภาวะน้ำท่วมขังประมาณ 20 เซนติเมตร
ทั้งนี้ กรมชลประทานยังได้คาดการณ์ปริมาณน้ำที่จะระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยาไว้ 2 ช่วง โดยคาดว่าในช่วงที่ปริมาณน้ำจะไม่กระทบต่อบริเวณคลองโผงเผง คือช่วงต้นเดือนธันวาคม ประมาณวันที่ 3-4 ธันวาคม และปริมาณน้ำที่ระบายผ่านเจ้าพระยาที่ต่ำกว่า 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นระดับที่ไม่กระทบต่อบริเวณคลองบางบาล หรืออำเภอเสนา (ซึ่งเป็นบ้านที่ท่วมหลังแรกที่ 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) จะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 17-18 ธันวาคม 2568 หลังจากนั้น กรมชลประทานมีแผนจะระดมเครื่องสูบน้ำ เพื่อสูบน้ำออกจากทุ่งลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้เกษตรกรในลุ่มน้ำเจ้าพระยาสามารถเร่งเพาะปลูกนาปรังได้ โดยมีการวางแผนการเพาะปลูกนาปรังปีนี้ไว้ประมาณ 6.3 ล้านไร่ เพื่อเป็นการชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกร
ขณะเดียวกัน สถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้มีความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเกิดจากฝนที่ตกหนักในช่วงวันที่ 19-21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีปริมาณฝนเฉลี่ยสะสม 3 วัน สูงถึงประมาณ 776 มิลลิเมตร ปริมาณฝนที่ตกหนักนี้อยู่ในบริเวณพื้นที่ตอนล่างที่มาจากคลองวาด และคลองต่ำ ซึ่งทำให้น้ำล้นตลิ่ง ส่วนน้ำที่ไหลตรงเข้าสู่ตัวเมืองหาดใหญ่มาจากเขาคอหงส์และคลองหวะ และปัจจุบันยังมีปริมาณน้ำฝนที่ตกบริเวณลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาตอนบน แถวอำเภอสะเดา ไหลเข้าสู่ตัวเมืองหาดใหญ่
ดร.ธเนศร์ กล่าวว่า มวลน้ำจำนวนมากที่มาจากลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาได้ไหลมาถึงประตูระบายน้ำบริเวณปากคลอง ร.1 และประตูระบายน้ำคลองอู่ตะเภา ซึ่งเป็นประตูที่บังคับน้ำก่อนเข้าสู่ตัวเมืองหาดใหญ่ เมื่อเช้านี้ มีรายงานว่าน้ำได้ท่วมประตูทั้ง 2 แห่งแล้ว ถือเป็นปริมาณน้ำที่มากและผิดปกติ สูงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ การบริหารจัดการน้ำส่วนใหญ่จึงต้องเร่งระบายออกสู่คลอง ร.1 เพื่อลงสู่ทะเลสาบสงขลา ซึ่งช่วงนี้ถือเป็นช่วงจังหวะที่ดีเนื่องจากน้ำทะเลลง
สำหรับปริมาณน้ำสูงสุดนั้น คาดการณ์ว่าจะมาถึงตัวเมืองหาดใหญ่ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ประมาณช่วงเวลา 04.00-05.00 น. ซึ่งจะทำให้น้ำท่วมในอำเภอหาดใหญ่มีปริมาณสูงขึ้นอีกครั้ง คาดว่าจะสูงขึ้นประมาณร่วม 1 เมตร ถึง 1.50 เมตร ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่ท่วมในครั้งนี้ถือเป็นปริมาณน้ำที่มากกว่าปริมาณน้ำที่เคยเกิดขึ้นสูงสุดในอดีตเมื่อปี 2553
ด้านการดำเนินการ กรมชลประทาน นำโดยนายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน ได้ลงพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองหาดใหญ่ เพื่อบัญชาการการใช้คลองระบายน้ำและบริหารจัดการน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งวางแผนเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ และเครื่องสูบน้ำ หลังจากการระบายน้ำออกสู่ทะเลแล้ว เมื่อระดับน้ำเข้าสู่สภาวะตลิ่งแล้ว ก็จะนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำออกจากพื้นที่ที่ท่วมขังเพื่อระบายออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุดต่อไป สถานการณ์อุทกภัยของเมืองหาดใหญ่นี้คาดว่าจะคงอยู่ประมาณร่วม ๆ 1 สัปดาห์
กรมชลประทานได้ประสานข้อมูลกับทาง สทนช. และกระทรวงมหาดไทย ในการออกข้อมูลหรือพยากรณ์สถานการณ์ (Salcast) ให้กับประชาชนในตัวเมืองหาดใหญ่ เพื่อรับทราบถึงสถานการณ์น้ำที่กำลังสูงขึ้นอีก 1 ครั้ง หากประชาชนมีข้อมูลที่ต้องการแจ้งให้กรมชลประทานทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ หรือสถานการณ์น้ำฝนที่ตก สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้ หรือโทรสายด่วน 1460 กรมชลประทาน ซึ่งพร้อมที่จะรายงานข้อมูล การจัดการน้ำ และการให้ความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องให้ทราบ