เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.68 นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการกิจการด้านปฐมภูมิ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์เฟซบุ๊ก “หมอเจด” ระบุข้อความว่า แน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย ใจเต้นแรง ทั้งที่ไม่ได้ออกแรงหนัก หลายคนคิดว่าแค่พักผ่อนน้อยหรือเครียดสะสม แต่จริง ๆ นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าหลอดเลือดหัวใจกำลังตีบแบบเงียบๆ โรคนี้ไม่จำเป็นต้องเจ็บแรงตั้งแต่แรก และมักถูกมองข้ามจนเกิดเหตุรุนแรงโดยไม่ทันตั้งตัวครับ
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอันตรายแค่ไหน?
เมื่อเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่พอ หัวใจจะต้องทำงานฝืนตลอดเวลา กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนอาจตายถาวร ส่งผลให้หัวใจอ่อนแรง เต้นผิดจังหวะ และเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลัน อันตรายตรงที่หลายคนไม่มีอาการชัดเจน จนเกิดเหตุรุนแรงครั้งแรกทันทีครับ
.
พฤติกรรมเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
• นั่งนานเกินไป ไม่ค่อยขยับ
• กินมัน หวาน เค็มเป็นประจำ
• นอนดึก เครียดสะสม
• รวมถึงการสูบบุหรี่
ทั้งหมดนี้ล้วนค่อย ๆ ทำร้ายหลอดเลือดหัวใจโดยไม่รู้ตัว หากมีโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน ไขมัน หรือความดัน แต่คุมไม่ดี ความเสี่ยงจะสะสมเร็วขึ้นมากครับ
.
ลดเสี่ยงยังไงได้บ้าง?
1) ขยับร่างกายสม่ำเสมอ ลดการตีบของหลอดเลือดหัวใจ
การไม่ค่อยเคลื่อนไหวทำให้เลือดไหลช้า ไขมันเกาะผนังหลอดเลือดง่ายขึ้น การเดินเร็ว ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ วันละประมาณ 30 นาที ช่วยให้หลอดเลือดยืดหยุ่น เลือดไปเลี้ยงหัวใจดีขึ้น ลดโอกาสหลอดเลือดตีบ และช่วยให้หัวใจทำงานเบาลงในระยะยาวครับ
2) ลดมัน หวาน เค็ม หยุดเร่งความเสื่อมของหลอดเลือด
อาหารทอด มัน น้ำหวาน และอาหารเค็มจัด จะทำให้ไขมันสะสมในหลอดเลือดเร็วขึ้น ผนังหลอดเลือดหนาและแข็ง เลือดไหลผ่านได้ยากขึ้น การลดของเหล่านี้แม้เพียงบางมื้อ ช่วยชะลอการตีบของหลอดเลือดหัวใจ และลดความเสี่ยงหัวใจวายได้จริงครับ
3) นอนให้พอ ลดภาระหัวใจตอนกลางคืน
การนอนดึกหรือนอนไม่พอทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันและฮอร์โมนความเครียดสูงตลอดคืน หัวใจไม่ได้พักอย่างที่ควร การนอนให้ได้ 6–8 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้หัวใจทำงานเป็นจังหวะ ลดความเสี่ยงภาวะหัวใจขาดเลือดแบบเงียบๆ ที่หลายคนไม่รู้ตัวครับ
4) คุมโรคประจำตัวให้จริง ไม่ใช่แค่รู้ว่ามี
เบาหวาน ไขมันสูง และความดัน คือปัจจัยเร่งให้หลอดเลือดหัวใจตีบเร็วขึ้น หากปล่อยให้ค่าน้ำตาล ไขมัน หรือความดันแกว่งบ่อย ความเสียหายจะสะสมเงียบ ๆ การกินยาให้สม่ำเสมอ ตรวจติดตาม และปรับพฤติกรรมควบคู่กัน ช่วยลดโอกาสหัวใจวายได้มากครับ
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไม่ใช่โรคไกลตัวครับ และไม่จำเป็นต้องรอให้มีอาการรุนแรงเสมอไป พฤติกรรมในชีวิตประจำวันคือกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยง อย่ารอให้แน่นหน้าอกหรือหัวใจวายก่อนค่อยดูแล เริ่มปรับวันนี้ คือการยืดเวลาชีวิตและคุณภาพชีวิตของหัวใจในระยะยาวครับ







