รศ.ดร. จิรานุช โสภา ผู้ช่วยคณบดีโรงเรียนการท่องเที่ยวและการบริการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต นำเสนอบทความเรื่อง "จาก “ครูภูมิปัญญา” สู่ “ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง” อนาคตที่ยั่งยืนของครูไทยในสังคมโลก" ความว่า คุณูปการอันยิ่งใหญ่และบทบาทของครูที่ได้หล่อหลอมสังคมไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จาก "ครูภูมิปัญญา" ที่ถ่ายทอดวิถีชีวิตและศีลธรรม สู่ "ครูผู้ถือชอล์ก" ในระบบการศึกษาแผนใหม่ และก้าวเข้าสู่ "ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง" ในสังคมโลกปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม แก่นแท้ของความเป็นครูไม่เคยเปลี่ยน นั่นคือ "การสร้างมนุษย์" แต่รูปแบบการสร้างสรรค์นั้นต้องปรับตัวให้ทันต่อความท้าทายใหม่ ๆ ของโลกตามกาลเวลาที่แปรเปลี่ยน
ในอดีต ครูไทยมีสถานะเป็นปูชนียบุคคลที่ได้รับการยกย่องสูงสุด เพราะครูไม่ได้สอนเพียงวิชาการ แต่สอนการใช้ชีวิต วัฒนธรรมการดำรงอยู่ร่วมกันในสังคมรวมไปถึงคุณธรรม จริยธรรมต่าง ๆ
ครูภูมิปัญญา ในยุคก่อนระบบโรงเรียน ครูคือผู้ถ่ายทอดความรู้ในสาขาเฉพาะทาง เช่น ช่างฝีมือ, แพทย์แผนไทย ศิษย์ต้องปฏิบัติรับใช้เพื่อแลกกับความรู้ ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบบูรณาการชีวิต
ครูโรงเรียน เมื่อเข้าสู่ระบบการศึกษาแผนใหม่ ครูมีบทบาทในการสร้าง "พลเมือง" ให้มีความรู้พื้นฐานเท่าเทียมกัน เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย และสร้างมาตรฐานทางสังคม
“ครู” จึงเปรียบเสมือนเป็นผู้เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน เป็นผู้สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมและเป็นผู้ ปลูกฝังความรักชาติ ผ่านการศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ในปัจจุบันเผชิญกับคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (VUCA World) ที่เต็มไปด้วยความผันผวน ความไม่แน่นอน ความซับซ้อนและความคลุมเครือ ครูจึงต้องปรับบทบาทจากผู้ให้ข้อมูลเพียงอย่างเดียว เป็น “ผู้ช่วยนำทาง” (Facilitator) และ “ผู้จัดระเบียบ” (Curator) ทางความรู้และการใช้ชีวิตในสังคมพร้อมการสร้าง “ภูมิคุ้มกันดิจิทัล” แก่ลูกศิษย์หรือนักเรียน ด้วยการสอนให้รู้จักการตั้งคำถามเชิงวิพากษ์ (Critical Questioning) และประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญกว่าการท่องจำเนื้อหา คือ การสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” (Safe Space) เป็นที่พึ่งทางใจให้กับนักเรียนหรือลูกศิษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตทางสังคมและสุขภาพจิต
แม้ในปัจจุบันเป็นยุคที่โลกหมุนเร็วจนเทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กลายเป็นเครื่องมือช่วยหรือประกอบการสอนที่ทรงพลัง อย่างไรก็ตาม บทบาทที่โดดเด่นและไม่มีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใดทำแทน “ครู” ได้ คือ “การบ่มเพาะความเป็นมนุษย์”
ในยุคที่ข้อมูลท่วมท้น นักเรียนไม่ได้ขาดความรู้แต่กลับขาดเข็มทิศ (Compass) และแรงบันดาลใจ (Inspiration) ดังนั้น ครูจึงต้องปรับตัวเองจาก "Lecturer" เป็น "Mentor" และ "Curator" ดังกรณี ประเทศ ฟินแลนด์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก ได้เน้นย้ำถึงการเรียนรู้แบบปรากฏการณ์เป็นฐาน (Phenomenon-Based Learning) ครูในระบบการศึกษาฟินแลนด์ไม่ได้สอนวิชาแยกส่วน แต่สอนโดยการนำปรากฏการณ์จริงมาให้นักเรียนได้ลงมือค้นคว้า สะท้อนแนวคิดที่ว่า AI คือ Co-Pilot หรือนักบินผู้ช่วยที่ช่วยจัดการข้อมูลและการประเมินผล ส่วนครูเปรียบเป็น Captain ที่ทำหน้าที่ชี้แนะ ควบคุมดูแลให้อยู่ในทิศทางที่เหมาะสมและถูกต้อง
ดังนั้น อนาคตของครูไทยในสังคมโลกคือการก้าวสู่การเป็น "ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง" ที่สามารถใช้เครื่องมือระดับโลก เช่น AI หรือ Data Science มาผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อสร้างนวัตกรรมการศึกษาที่ยั่งยืน การเป็น “ครูโลก” ไม่ได้หมายถึงการละทิ้งความเป็นไทย แต่คือการนำเสนอ “ความเป็นไทย” ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ครูไทยในยุค Digital เปรียบเสมือน "สถาปนิกทางจิตวิญญาณ" ที่สร้างรากฐานอันมั่นคงทางความคิดและอารมณ์ให้กับผู้เรียน ในขณะที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) (อาจ) ให้ความรู้ แต่มีเพียง “ครู” เท่านั้นที่สามารถสอนความหมายของการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้
กล่าวได้ว่า การลงทุนในการสร้าง “ครู” คือการลงทุนในอนาคตของชาติอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพคุณูปการของครูนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะวัดเป็นตัวเลขได้ เพราะครูคือผู้สร้างความเชื่อมั่น สร้างทักษะชีวิตและสร้างแรงบันดาลใจ ดังนั้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้ครูไทยได้เติบโตเป็น "ครูผู้นำ" ที่มีเกียรติ มีขวัญกำลังใจ และมีอิสระในการสร้างสรรค์วิธีการสอนที่เหมาะสมกับผู้เรียนในยุคดิจิทัล สามารถนำพาเยาวชนไทยไปสู่การเป็น “พลเมืองโลก” ที่แข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยคุณธรรมได้อย่างภาคภูมิจึงเป็นเรื่องที่ควรทำควบคู่กันไป
ท้ายที่สุดนี้ ขอร่วมคารวะครูผู้เสียสละผู้ซึ่งเป็นรากแก้วแห่งปัญญาและจริยธรรมของสังคม ครูคือผู้สร้างปัญญาประดิษฐ์ที่แท้จริงซึ่งไม่ใช่โค้ด แต่คือ "ความฉลาดของมนุษย์ที่มาพร้อมคุณธรรมและหัวใจ"








