สถาบันเส้นทางสายไหมทางทะเล มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร (มรภ.พระนคร) ร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เป็นเจ้าภาพหลักจัดพิธีเปิดนิทรรศการแสดงผลสำเร็จการปกป้องระบบนิเวศทะเลสาบบนที่ราบสูงยูนนาน ภายใต้หัวข้อ “ร่วมดื่มน้ำสายเดียวกัน ร่วมคุยเรื่องภูเขียวน้ำใส” เนื่องในโอกาสมหามงคลครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน และครบรอบ 20 ปี แนวคิด “สองภูเขา” เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 68 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน
ในการจัดนิทรรศการครั้งนี้มีสถาบันเส้นทางสายไหมทางทะเล มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร และสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เป็นหน่วยงานหลัก อีกทั้งสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เครือข่ายพันธมิตรเพื่อพัฒนาสถาบันขงจื่อและห้องเรียนขงจื่อแห่งประเทศไทย และศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ เป็นหน่วยงานผู้สนับสนุนที่ทำให้การจัดนิทรรศการครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ ทั้งด้านการศึกษาและวัฒนธรรม ตลอดจนอาจารย์ นักเรียน และสื่อมวลชนจากทั้งไทย-จีนสองประเทศ รวมทั้งสิ้น 350 คน ได้พร้อมใจกันเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ เพื่อร่วมเป็นประจักษ์พยานต่อกิจกรรมอันทรงคุณค่า ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างและขยายความร่วมมือด้านวัฒนธรรมเชิงนิเวศ และมิตรภาพระหว่างไทย-จีน ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เนื่องในวาระครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน และครบรอบ 20 ปี แนวคิด “สองภูเขา” นิทรรศการผลงานครั้งนี้ได้ยึดประเด็น “การอนุรักษ์ระบบนิเวศ” เป็นสิ่งเชื่อมโยง และนำ“การจัดการทะเลสาบบนที่ราบสูงยูนนาน” เป็นแกนหลัก เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศในด้านภาษาและวัฒนธรรม อารยธรรมเชิงนิเวศ และการพัฒนาที่ยั่งยืน ก้าวสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้น
ศาสตราจารย์ ดร. หู ยิง ผู้อำนวยการสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร (ฝ่ายจีน) กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติอย่างอบอุ่น และแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อหน่วยงานที่เป็นพันธมิตรที่สนับสนุนการพัฒนาสถาบันขงจื่อมาอย่างยาวนาน พร้อมได้เน้นย้ำว่านิทรรศการนี้เป็นโครงการแรกที่ดำเนินการภายใต้แผนพัฒนา "จีน + นิเวศวิทยา" ของสถาบันขงจื่อ ในอนาคตจะยังมุ่งมั่นสานต่อการพัฒนาให้ก้าวขึ้นเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นในสาขานี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างไทย–จีนในด้านภาษาและวัฒนธรรม อารยธรรมเชิงนิเวศ และการพัฒนาที่ยั่งยืน
รองศาสตราจารย์ ดร.เปรื่อง กิจรัตน์ภร อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กล่าวรายงานเกี่ยวกับนิทรรศการ และได้กล่าวเกี่ยวกับการก่อตั้งสถาบันขงจื่อร่วมกับมหาวิทยาลัยต้าหลี่ การที่สถาบันขงจื่อเป็นผู้บุกเบิกเส้นทางในรูปแบบ "ภาษาจีน + การศึกษา" และจะยังคงยึดภาษาจีนเป็นสะพานเชื่อม เพื่อส่งเสริมการบูรณาการและการพัฒนาระบบนิเวศทางการศึกษาให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต
สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี(ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ประธานคณะกรรมการสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล กล่าวว่านิทรรศการนี้ ให้ความสำคัญไปที่ “ภาษาจีน+ระบบนิเวศ” เป็นแนวทางปฏิบัติที่มีประสิทธิผลในการส่งเสริมนวัตกรรมในรูปแบบ “ภาษาจีน +” โดยมีเป้าหมายในการกระชับความร่วมมือในเรื่องต่างๆ ตลอดจนสานต่อแนวคิด“การอยู่ร่วมกันฉันมิตร” ของทั้งสองประเทศ ดังคำกล่าวที่ว่า“จีนไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน”
นายจางเจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้กล่าวว่าปีนี้ครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน และยังเป็น“ปีทอง”ที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ได้เสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ อีกทั้งปีนี้ถือเป็นปีที่ครบรอบ 20 ปีของแนวคิดที่ว่า "น้ำใสและภูเขาเขียวขจีเปรียบดั่งภูเขาทองภูเขาเงิน" ซึ่งการส่งเสริมความร่วมมือสีเขียวระหว่างไทยและจีนนี้ ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อผลประโยชน์ระยะยาวของทั้งสองประเทศเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งสองฝ่ายในฐานะสมาชิกที่มีความรับผิดชอบต่อชุมชนระหว่างประเทศโดยมีมณฑลยูนนานมีส่วนสำคัญในความร่วมมือระหว่างไทยและจีน สำหรับนิทรรศการนี้ได้ผสมผสานการศึกษาภาษาจีนกับแนวคิดเชิงนิเวศวิทยาและสร้างช่องทางการแลกเปลี่ยนสำหรับคนรุ่นใหม่จากทั้งสองประเทศ เพื่อที่จะช่วยผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนไปสู่อีกระดับ
นายหลี่เทา เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งมหาวิทยาลัยต้าหลี่ กล่าวว่ามหาวิทยาลัยต้าหลี่ได้บูรณาการจุดแข็งของสาขาวิชาเข้ากับพันธกิจด้านนิเวศวิทยามาโดยตลอด ได้นำเทคโนโลยีมาช่วยในการจัดการทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ โดยในนิทรรศการได้นำเสนอ “กรณีศึกษาของทะเลสาบเอ๋อไห่” ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของแนวคิด “การปกป้องสิ่งแวดล้อมทางนิเวศวิทยา เหมือนกับการปกป้องดวงตาของเรา” นอกจากนี้ยังได้กล่าวว่า ประเทศจีนได้มุ่งมั่นในการพัฒนาความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน นิทรรศการในครั้งนี้ จะเป็นการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาไทย เพื่อส่งเสริมรูปแบบการศึกษา “จีน + สิ่งแวดล้อม” ผ่านการสร้างหลักสูตร และการแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกัน กับทั้งการปลูกฝังบุคลากรที่มีความสามารถรอบด้านทั้งด้านความรู้ด้านนิเวศวิทยา และความสามารถทางวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมการศึกษาไปสู่อีกระดับ และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาค ในขณะเดียวกัน ขอเชิญชวนมาเยี่ยมชมเมืองต้าหลี่และสัมผัสประสบการณ์ประสิทธิภาพของการบริหารจัดการด้านนิเวศวิทยาด้วยตนเอง
ในพิธีเปิด นายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย, สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี,คุณวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), คุณหยาง เสี่ยวหลงอุปทูตที่ปรึกษาฝ่ายวัฒนธรรมสถานเอกอัครราชทูตฯ, คุณสวี่หลาน อุปทูตที่ปรึกษาฝ่ายการศึกษาสถานเอกอัครราชทูตฯ, รองศาสตราจารย์ ดร.เปรื่อง กิจรัตน์ภร, รองศาสตราจารย์ณัฐพัชร์ เพ็ชรอาภรณ์,ศาสตราจารย์กง เจิ้งฮวา, ศาสตราจารย์หู ยิง, รองศาสตราจารย์อนันตกุล อินทรผดุง, คุณจาง รั่วหยี, คุณเยิ่น เสี่ยวเฟย, คุณหลัว เถี่ยยิง, คุณหวาง เสี่ยวเย่น และ คุณหลิว เต๋อหมิงได้ร่วมกันตัดริบบิ้นเพื่อเปิดนิทรรศการ และได้รับเสียงปรบมือจากผู้เข้าร่วมงาน ถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของนิทรรศการแสดงผลสำเร็จการปกป้องระบบนิเวศทะเลสาบบนที่ราบสูงยูนนานต่อสาธารณชน
นิทรรศการครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 โดยได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน พื้นที่จัดนิทรรศการแบ่งออกเป็น 6 ส่วน ในส่วนของ “พื้นที่จัดนิทรรศการการจัดการทะเลสาบที่ราบสูง”นั้น ได้ใช้กรณีศึกษาทะเลสาบเอ๋อร์ไห่มาใช้ในกิจกรรมการคัดแยกขยะ และนำเสนอแนวทางปฏิบัติด้านการจัดการลุ่มน้ำอย่างเป็นระบบ , ในส่วนถัดไป “พื้นที่ประสบการณ์ทางนิเวศวิทยาและวัฒนธรรม” มีการนำเสนอผ้ามัดย้อมของชาวไป๋ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า มีการนำเสนอศิลปะการพิมพ์ลายกระดาษเจี๋ยหม่า การจัดแสดงการผสมผสานภูมิปัญญาทางนิเวศวิทยาแบบดั้งเดิมและนวัตกรรมสมัยใหม่
ในส่วนต่อมา “หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์” นำเสนอนิทรรศการความสำเร็จการมัดย้อมเชิงนิเวศจากประเทศไทย และภูมิปัญญาท้องถิ่น อีกทั้งสร้างช่องทางเพื่อการแลกเปลี่ยนด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมสีเขียว , ต่อมาจะเป็น “เขตสาธิตการพัฒนาพื้นที่สีเขียว” ซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมจากผลิตภัณฑ์นมทั้งหมด และอุตสาหกรรมสีเขียวอื่นๆ ของยูนนาน
ส่วนต่อไป “นิทรรศการศิลปะเชิงนิเวศวิทยาของเยาวชน” จัดแสดงภาพวาดซึ่งถ่ายทอดเสียงของสิ่งแวดล้อมในคนรุ่นใหม่ , ส่วนสุดท้าย คือ“ภาษาจีน + กิจกรรมทางนิเวศวิทยา” ซึ่งได้ผสมผสานการเรียนรู้ภาษา กับการศึกษาด้านนิเวศวิทยาอย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านประสบการณ์ที่น่าสนใจและสนุกสนาน โดยจัดแสดงเส้นทางอันหลากหลาย สู่การสร้างอารยธรรมนิเวศอย่างครอบคลุม
หลังจากพิธีเปิด ผู้เข้าร่วมนิทรรศการได้เยี่ยมชมนิทรรศการและรับฟังคำบรรยายจากวิทยากรในนิทรรศการถึงผลสำเร็จการปกป้องระบบนิเวศของไทย-จีน กับทั้งเดินเยี่ยมชมงานหัตถกรรมย้อมครามแบบดั้งเดิม ณ ลานนิทรรศการผ้ามัดย้อมในรูปแบบไทยอีโคปริ้นด้วย คณะผู้จัดงานหวังว่านิทรรศการนี้ จะเป็นเวทีสำคัญให้ชาวไทยและชาวจีนได้สัมผัสความสำเร็จด้านนิเวศวิทยาของทั้งสองประเทศโดยตรง และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น








