ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น., พ.ต.อ.ศานติ กรเกษม ผกก.ดส., พ.ต.ท.วรปรัชญ์ วุฑฒิรักษ์ รอง ผกก.ดส., พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล รอง ผกก.ดส. รวมถึงนายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.ปปส.กทม. ชุดปราบปรามยาเสพติด กก.ดส. นำโดย พ.ต.ต.ยศชนินทร์ ประเสริฐโสภา สว.กก.ดส.บช.น. พร้อมกำลังตำรวจ ชปส.ดส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.กทม. นำโดย นายอดิเรก อ่อนละมูล ผอ.ส่วนบังคับใช้กฎหมาย และเจ้าหน้าที่ส่วน บก.ป.ป.ส.กทม.
ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ได้แก่ นายศุภณัฐ หรือฟิว ตั้งอนันตพัฒน์ อายุ 29 ปี นางสาวศิริประภา หรือเนย เพ็ชรน้อย อายุ 24 ปี โดยถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (เอโทมิเดท) โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในประชาชน ร่วมกันจำหน่ายหรือช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาไปเอา จำนำหรือรับไว้ซึ่งของที่รู้อยู่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับความผิดตามมาตรา 242 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 ของกลางที่ยึดได้ประกอบด้วย หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าผสมสารเอโทมิเดท จำนวน 3,347 หัว โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง อุปกรณ์แพ็กบรรจุหัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมสารเอโทมิเดท รถจักรยานยนต์ 1 คัน รวมมูลค่าของกลางและทรัพย์สินกว่า 3,500,000 บาท
สามารถจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 134/191 หมู่ 5 ซอยคู้บอน 27 ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ ต่อเนื่องตรวจค้นภายในห้องนอนชั้น 2 ของบ้านหลังเดียวกัน
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพว่า ทำหน้าที่แพ็กและจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าตามคำสั่งนายจ้าง โดยนำหัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าไปวางตามจุดต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าหยิบสินค้า โดยได้รับค่าจ้างเดือนละ 25,000 บาท เป็นเงินสด และจะมีผู้ส่งทั้งเงินและสินค้ามาให้ถึงบ้าน การสื่อสารกับนายจ้างใช้เฉพาะทางแอปพลิเคชันเทเลแกรมเท่านั้น ไม่มีการติดต่อกับลูกค้าโดยตรง
คดีนี้สืบเนื่องมาจากการจับกุมเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 ที่ กก.ดส.บช.น. และ ปปส.กทม. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย (ชาวไทย 3 ราย ชาวสิงคโปร์ 1 ราย) พร้อมหัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าผสมเอโทมิเดทจำนวนมาก และจากการขยายผลพบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดรับสินค้าและยาเสพติดจากนายศุภณัฐ ผู้ต้องหาคนที่ 1 จึงเฝ้าติดตามจนพบแหล่งพักและนำไปสู่การจับกุมครั้งนี้
ขณะนี้ กก.ดส.อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล และจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป








