‘บิ๊กโจ๊ก’ ดับเครื่องชน! รอบนี้เข้าให้ข้อมูล ‘กมธ. การกฎหมายฯ สว.’ จวกแหลก ‘ตำรวจซื้อขายตำแหน่ง’ เป็นเรื่อง.... ทำองค์กรพังพินาศ บี้ ‘ผบ.ตร.’ รับผิดชอบ ปฏิเสธไม่ได้ ลั่นถ้านายไม่หนุน ลูกน้องก็ไม่กล้าทำ แซะแสบจากคนไร้อำนาจ พอขึ้นมาก็เอาหมดทุกอย่าง ลามจี้ 'นายกฯ’ สั่ง ‘บิ๊กต่าย’ หยุดปฏิบัติหน้าที่ รีบตัดสินใจ ขู่เตือนหากละเลยเสี่ยงละเว้นปฏิบัติหน้าที่-เอี่ยวรับประโยชน์อื่นใดหรือไม่
19 พ.ย.68 เมื่อเวลา13.20น. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีตรองผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา กรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สแกมเมอร์ และเว็บพนันว่า วันนี้เป็นข้อมูลคล้ายเดิมกับข้อมูลที่เคยให้กับกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฎิรูปประเทศสภาผู้แทนราษฎร แต่อาจจะมีเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องเส้นทางการเงิน โดยในวันที่ 26 พ.ย.นี้ ซึ่งจะเข้าให้ข้อมูลต่อกมธ.ความมั่นคงฯ สภาฯ จะมีข้อมูลมากกว่านี้ โดนเฉพาะเรื่องการซื้อขายตําแหน่งที่เป็นข่าวอยู่ เนื่องจาก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเฟงือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งได้ข้อมูลส่วนนี้มาพอสมควรแล้ว เพียงรอเวลาให้ข้อมูลต่อ กมธ.ความมั่นคงฯ สภาฯ และได้มีการเปิดเผยจากหลายภาคส่วนออกมาแล้ว วันนี้(19พ.ย.) นายอัจฉริยะจึงไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผบ.ตร. และพวก
"องค์กรตํารวจวันนี้มันพังพินาศ เพราะคนที่ขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. ถ้าคนที่ขึ้นมาอย่างเหมาะสม องค์กรตํารวจเราต่อสู้กับเรื่องอย่างนี้มาอย่างยาวนาน ในเรื่องซื้อขายตําแหน่ง เป็นเรื่องที่....มาก แต่วันนี้องค์กรเรา จะยุบ ผบ.ตร.ต่อศักดิ์ ทั้งส่วยเว็บพนัน ส่วยต่างๆ ยาเสพติด ยังจะยุบ ผบ.ตร.กิตติ์รัฐอีก และยังมาเจอเรื่องซื้อขายตําแหน่งอีก คุณไม่มีทางปฏิเสธได้เลยว่า คุณไม่รู้เรื่อง เพราะมันเป็นลายของตัวเอง" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการซื้อขายตําแหน่งต่างๆ แสดงว่ามีคนที่ไม่พอใจ เมื่อเอาเงินเขาไปแล้ว ก็ไม่ดําเนินการให้เขา ถ้าวันนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัตน์ พันธุ์เพชร์ ผบ.ตร. จะแสดงความบริสุทธิ์ใจ ต้องดําเนินคดีกับผู้ที่มาขอให้แต่งตั้ง ตามพระราชบัญญัติตํารวจแห่งชาติ มาตรา 87 ระบุ ผู้ขอให้แต่งตั้งหรือไม่แต่งตั้งเป็นความผิดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัตน์จะต้องดําเนินคดีกับทุกคนที่มาขอ หรือส่งไลน์มา และรวมถึงภรรยาของตัวเองด้วยหากตัวเองไม่เกี่ยวข้องจริงๆ วันนี้ผบ.ตร.ปฏิเสธไม่ได้ เพราะมันร้อนทุกหัวระเหง ไม่มีใครเขาทำระยําแบบนี้ ถ้าเราไม่ส่งเสริม ลูกน้องก็ไม่กล้าทำ เห็นหรือไม่ว่า วันนี้ตํารวจกล้าโอนเงินจากบัญชีเว็บไซต์พนันเข้าบัญชีของตัวเอง ไม่รวมภาพกระเป๋าเงินสด นาฬิกา รถ ที่สามารถไปตรวจสอบได้หมด
"คนนี้มาจากคนไม่มีอำนาจ พออยู่ๆ มีอํานาจ โห เอาหมดทุกอย่าง เหมือนคนไม่เคยเจอของ เว็บพนันก็เอา ซื้อขายตำแหน่งก็เอา ไม่เลือก เราต้องรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ปล่อยข้างล่างให้เขาแต่งตั้งกันไป อย่าเอื้อมมือไปล้วง นอกจากนั้นยังทราบมาว่า มีโควตาตำแหน่งด้วย" อดีตรองผบ.ตร. กล่าว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าการเปิดเผยเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีของตนเอง มันคนละเรื่องกัน ขออย่าทำให้สังคมบิดเบือน ถามว่าคดีของตนเองเกี่ยวข้องอะไรกับ สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม จะไปเกี่ยวอะไรกับเว็บพนันที่จ่ายให้ตำรวจไซเบอร์ มันคนละประเด็นกัน ส่วนที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองจเรตำรวจแห่งชาติ ออกมาระบุว่า ขอให้ประชาชนคิดก่อนฟังข้อมูลที่ตนเผยแพร่นั้น สิ่งที่ที่ตนพูดไม่ได้คาดหวังให้ประชาชนเชื่อ แต่อย่าคิดว่าประชาชนโง่ การที่พูดเช่นนี้เป็นการดูถูกประชาชน เค้ารู้ว่าอะไรคือเท็จหรือจริง ตนตามพยานหลักฐานและเอกสาร ส่วนคดีความของตนขอให้ประชาชนตราหน้าไปว่าตนผิด ตนจะต่อสู้เอง แต่วันนี้สิ่งที่ประชาชนสงสัยคือเหตุใดถึงเลือกดำเนินคดีแค่กับตน อีกทั้งตำรวจ 200 คน ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันก็ยังทำงานอยู่ตามปกติ
“ดังนั้นถ้านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ไม่สั่งให้ ผบ.ตร. หยุดปฎิบัติหน้าที่หรือให้ไปช่วยราชการดังนั้น ก็จะต้องโดนเรื่องละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ด้วย ผมไม่เชื่อว่านายกฯจะรับเงินรับทอง แต่ประชาชนสงสัยว่ารับประโยชน์อื่นใดหรือไม่นายกฯจึงต้องรีบตัดสินใจ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
จากนั้นในช่วงต้นของประชุมกรรมาธิการฯ ที่มี พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานกมธ.ฯ เป็นประธานการประชุม กล่าวตอนหนึ่งว่า ตามที่มีหลายคนถามว่าเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในประเทศ สว. มีไว้ทำอะไร ก็เพื่อการนี้แหละ เรามาศึกษาวิเคราะห์ว่า ข้อมูลที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ชี้แจงมาทางเรา เราจะส่งตรงไปสู่ผู้บริหารประเทศ รวมถึงผู้บริหารหน่วยงานราชการ ให้ได้ปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้บ้านเมืองเราดูดีในสายตาชาวโลก
อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายเลขานุการกมธ.ฯ ได้แจ้งว่า ตามที่ได้เรียนเชิญทั้งพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และ นายอัจฉริยะ มาชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ นายอัจฉริยะแจ้งว่าไม่ได้มาร่วมการประชุม คงเหลือ แต่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก่อนที่เมื่อจะเข้าสู่วาระการประชุม ประธานในที่ประชุม ได้เชิญให้สื่อมวลชนออกจากห้อง








