“กรมราชทัณฑ์”เดินหน้าทบทวน 3 เกณฑ์สำคัญ หลัง “รมว.ยุติธรรม”สั่งเข้ม ส่งผู้ต้องขังรักษานอกเรือนจำ–พักโทษเหตุพิเศษ–คุมขังนอกเรือนจำ
กรมราชทัณฑ์ขานรับคำสั่ง พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หลังมีหนังสือสั่งทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์สำคัญ 3 ประเด็น ได้แก่ การส่งผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ การพักโทษกรณีมีเหตุพิเศษ และการกำหนดอาณาเขตสถานที่อื่นให้เป็นสถานที่คุมขัง เพื่อป้องกันการใช้ดุลพินิจผิดพลาดและหลีกเลี่ยงข้อครหาเอื้อประโยชน์ผู้ต้องขังบางราย โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรมเป็นสำคัญ
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากพบประเด็นการตีความระเบียบและการดำเนินการที่อาจไม่ชัดเจน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของหน่วยงาน กระทรวงยุติธรรมจึงสั่งให้มีการทบทวนกฎระเบียบทั้งหมดใน 3 ประเด็นสำคัญ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า แม้ยังไม่ได้รับหนังสือฉบับเต็มอย่างเป็นทางการ แต่กรมราชทัณฑ์เตรียมตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาศึกษารายละเอียด โดยมีอธิบดีเป็นประธาน พร้อมเชิญผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารหลายกอง เช่น กองทัณฑวิทยา กองทัณฑปฏิบัติ กองกฎหมาย และกองบริการการแพทย์ มาร่วมพิจารณาและสรุปความเห็นเสนอปลัดกระทรวงยุติธรรม
อธิบดีชี้ว่า ประเด็นการส่งผู้ต้องขังเจ็บป่วยไปโรงพยาบาลนั้น ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะหากมีกรณีฉุกเฉินและนำส่งล่าช้า ผู้ต้องขังอาจเสียชีวิตระหว่างทาง และญาติสามารถฟ้องร้องราชทัณฑ์ได้ จึงต้องพิจารณาเป็นรายกรณี โดยเจ้าหน้าที่ต้องประเมินตามสภาพจริง หากอาการหนักต้องรีบนำส่งทันที แม้ยังไม่ได้ปรึกษาแพทย์ แต่กรณีอาการทั่วไปควรพิจารณาวิธีดำเนินการที่เหมาะสมหรือให้แพทย์ตรวจยืนยันก่อน เพื่อให้ได้สมดุลระหว่างสิทธิมนุษยชนและความปลอดภัยของผู้ต้องขัง
สำหรับการพักโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เช่น ผู้ป่วยหนัก ผู้พิการ หรือผู้ต้องขังสูงอายุเกิน 70 ปี รมว.ยุติธรรมตั้งข้อสังเกตว่าการใช้แบบประเมินโดยพยาบาลอาจไม่เหมาะสมและควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมินหลัก คณะทำงานจึงต้องทบทวนมาตรฐานแบบประเมินและกำหนดแนวปฏิบัติให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ส่วนการกำหนดอาณาเขตสถานที่อื่นให้เป็นสถานที่คุมขัง เช่น โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลเฉพาะกิจ จะถูกนำมาทบทวนเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้รัดกุม โปร่งใส และไม่เปิดช่องให้ตีความผิดพลาด
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ย้ำว่า คณะทำงานจะเร่งศึกษารายละเอียดทุกประเด็นเพื่อปรับปรุงระเบียบให้ทันสมัย ชัดเจน และสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน ก่อนเสนอความเห็นต่อปลัดกระทรวงยุติธรรมในลำดับต่อไป








