ประชาสัมพันธ์

สรุปชัด PVD และ RMF ต่างกันอย่างไร คู่หูวางแผนเกษียณที่ต้องรู้

แชร์ข่าว

เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนหลายคนเมื่อเห็นสลิปเงินเดือนแล้วอาจถอนหายใจ เพราะเห็นยอดเงินที่ถูกหักออกไปในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็นประกันสังคม ภาษี หรือกองทุนต่าง ๆ จนรู้สึกเหมือนรายได้หายไป แต่ช้าก่อน ! อย่าเพิ่งมองว่าเงินที่ถูกหักไปเป็นรายจ่ายที่สูญเปล่า โดยเฉพาะเงินที่ถูกนำไปลงทุนใน PVD และ RMF เพราะในความเป็นจริงแล้ว นี่คือเครื่องมือทางการเงินที่ทรงพลังที่สุดในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว และช่วยประหยัดภาษี หากคุณทำความเข้าใจ และใช้ประโยชน์จากมันอย่างถูกวิธี เงินก้อนเล็ก ๆ ในวันนี้อาจกลายเป็นเงินล้านที่ช่วยให้คุณเกษียณสุขได้อย่างไม่น่าเชื่อ

รู้จัก PVD (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) เงินออมที่มี “ตัวช่วย” จ่ายให้

เริ่มต้นกันที่ PVD หรือชื่อเต็ม ๆ คือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) กองทุนนี้ถือเป็นสวัสดิการสุดพิเศษที่มนุษย์เงินเดือนควรภูมิใจ เพราะเป็นกองทุนภาคสมัครใจที่นายจ้าง และลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้น ความพิเศษของมันอยู่ที่โครงสร้างของเงินลงทุนที่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ “เงินสะสม” ที่หักจากเงินเดือนของเรา และ “เงินสมทบ” ที่นายจ้างช่วยจ่ายเพิ่มให้เราอีกแรงหนึ่ง

จุดนี้เองที่ทำให้ PVD น่าสนใจมาก เพราะทันทีที่คุณเริ่มออม คุณจะได้รับผลตอบแทนทันทีจากเงินสมทบของนายจ้าง (เปรียบเสมือนได้โบนัสเพิ่มทุกเดือน) นอกจากนี้ เงินก้อนนี้ยังมีมืออาชีพอย่างบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นำไปบริหารจัดการให้งอกเงยในตลาดทุน และที่สำคัญ เงินสะสมที่คุณจ่ายไปสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามจริงสูงสุดถึง 15% ของรายได้อีกด้วย

รู้จัก RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ) อิสระแห่งการออมเพื่อวัยเกษียณ

ถัดมาคือ RMF หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund) กองทุนประเภทนี้เน้นส่งเสริมการออมระยะยาวเพื่อวัยเกษียณโดยเฉพาะ จุดเด่นคือความ "อิสระ" เพราะคุณเป็นผู้เลือกเอง 100% ว่าจะซื้อกองทุนไหน จาก บลจ. ใด และลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอะไร ไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หรือทองคำ เพื่อให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่คุณรับไหว

ข้อกำหนดสำคัญของ RMF คือต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง (ซื้อทุกปี หรืออย่างน้อยปีเว้นปี) ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อ แต่ต้องถือครองจนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และถือครองมาไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงจะขายคืนได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข ซึ่งข้อดีคือกำไรที่ได้จากการขายคืนจะไม่ต้องเสียภาษี และเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนยังนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% ของรายได้ (เมื่อรวมกับกลุ่มเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท)

เปรียบเทียบ PVD และ RMF ต่างกันตรงไหน ?

เปรียบเทียบ PVD และ RMF

แม้เป้าหมายปลายทางของ PVD และ RMF จะเหมือนกันคือการเตรียมเงินไว้ใช้ยามเกษียณ แต่รายละเอียด และเงื่อนไขมีความแตกต่างกันที่ต้องทำความเข้าใจ ดังนี้

1. ที่มาของเงินลงทุน

ความต่างแรกคือแหล่งเงินทุน PVD เป็นการร่วมมือกันระหว่าง “คุณและนายจ้าง” ทำให้เงินก้อนโตไวขึ้นจากการสมทบของบริษัท ส่วน RMF เป็นเงินลงทุนจาก “กระเป๋าของคุณเอง” ล้วน ๆ ไม่มีใครมาช่วยสมทบ แต่คุณจะได้อิสระในการจัดการเต็มที่

2. นโยบายการลงทุน

สำหรับ PVD ทางเลือกการลงทุน (Employee’s Choice) มักจะถูกกำหนดโดยคณะกรรมการกองทุนของบริษัท ซึ่งอาจมีแผนให้เลือกจำกัด (เช่น แผนเสี่ยงต่ำ แผนเสี่ยงสูง)

ในขณะที่ RMF เปรียบเสมือนบุฟเฟต์ที่คุณเลือกตักได้ไม่อั้น มีกองทุนให้เลือกนับพันกองในท้องตลาด ครอบคลุมสินทรัพย์ทั่วโลก ทำให้กระจายความเสี่ยงได้กว้างขวางกว่า

3. เงื่อนไขการถอน

PVD จะผูกติดกับสภาพการจ้างงาน คือมักจะได้เงินเมื่อ “ลาออก” หรือ “เกษียณ” (หากเอาออกก่อนเกษียณอาจเสียภาษี) ส่วน RMF ผูกติดกับ “วินัยและอายุ” คือต้องถือครองครบ 5 ปี และอายุครบ 55 ปี จึงจะขายได้โดยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีครบถ้วน

ทำไมมนุษย์เงินเดือนถึงควรมีทั้ง 2 กองทุนนี้ ?

หลายคนสงสัยว่ามีแค่อย่างใดอย่างหนึ่งพอไหม คำตอบคือ “มีทั้งคู่ดีที่สุด” เพราะทั้ง PVD และ RMF ต่างอุดช่องโหว่ของกัน และกัน PVD ช่วยให้คุณมีเงินสมทบฟรีจากนายจ้าง เป็นรากฐานที่มั่นคง ในขณะที่ RMF ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดพอร์ตลงทุนให้ตรงใจ และกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ที่ PVD ของบริษัทอาจไม่มี ที่สำคัญ เมื่อรวมพลังกัน ทั้งสองกองทุนจะช่วยให้คุณใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เต็มเพดาน สร้างเงินออมก้อนใหญ่ที่จะดูแลคุณไปตลอดชีวิตหลังเกษียณ

ข้อควรรู้ ! ลาออกจากงานแล้ว PVD จะหายไปไหม ?

ลาออกจากงานแล้ว PVD จะหายไปไหม

นี่คือจุดที่มนุษย์เงินเดือนพลาดกันบ่อยที่สุด เมื่อลาออกจากงาน หลายคนเลือกที่จะ “ล้างพอร์ต” เอาเงิน PVD ออกมาใช้ ซึ่งถือว่าน่าเสียดายมาก เพราะนอกจากจะหยุดการเติบโตของเงินออมแล้ว ยังต้องนำเงินส่วนนั้นมาคำนวณเสียภาษีให้วุ่นวาย ทางออกที่ถูกต้องคือ หากย้ายไปที่ทำงานใหม่ที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ให้แจ้งโอนย้ายเงิน PVD ไปยังบริษัทใหม่ แต่ถ้าที่ใหม่ไม่มี หรืออยากลาออกไปทำธุรกิจส่วนตัว ให้โอนย้ายเงิน PVD ไปยังกองทุน “RMF for PVD” เพื่อคงสถานะการลงทุน และรักษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีไว้ให้ต่อเนื่อง

การวางแผนเกษียณไม่ใช่เรื่องของคนแก่ แต่เป็นเรื่องของคนที่ต้องการความมั่นคง ยิ่งคุณเริ่มต้นทำความรู้จักและลงทุนใน PVD และ RMF เร็วเท่าไหร่ พลังของดอกเบี้ยทบต้นก็จะยิ่งทำงานได้แรงขึ้นเท่านั้น อย่าปล่อยให้สิทธิประโยชน์เหล่านี้หลุดมือไป เริ่มต้นจัดสรรเงินออมตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้วันที่คุณหยุดทำงาน เป็นวันที่คุณมีความสุขที่สุดทางการเงิน