มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า (TATC) โดยได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.ชัยพร เขมะภาตะพันธ์ คณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นผู้ลงนามในนามของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และนายนโภช แซ่อุ่ย รองประธานบริหารวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า เป็นผู้ลงนามแทนวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า
โดยความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาทางวิชาการ การสร้างและพัฒนาบุคลากร รวมถึงการนำองค์ความรู้ด้านยานยนต์สมัยใหม่มาใช้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างสองสถาบัน โดยครอบคลุมการจัดฝึกอบรม สัมมนา การใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ และข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องในการจัดการเรียนรู้และพัฒนาทักษะนักศึกษาและบุคลากร อีกทั้งยังสนับสนุนความร่วมมือด้านการศึกษา การวิจัยและพัฒนา และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรและผลิตกำลังคนที่มีทักษะพร้อมรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคใหม่ ตลอดจนการขยายความร่วมมือในกิจกรรมด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในอนาคต โดยมีอาจารย์พิพัฒน์พงศ์ ปรีเปรม หัวหน้าสาขาวิศวกรรมยานยนต์สมัยใหม่ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และนายสุชาติ กลั่นทอง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม อาคาร 5 ชั้น 7 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ผศ.ดร.ชัยพร เขมะภาตะพันธ์ คณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยถึงบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กับ วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า(Toyota Automotive Technology College: TATC) ว่า เป็นความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนากำลังคนด้านยานยนต์สมัยใหม่แบบครบห่วงโซ่ ตั้งแต่ระดับสายอาชีพจนถึงระดับปริญญาตรี
โดยความร่วมมือครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นจากเครือข่ายความสัมพันธ์ทางวิชาการระหว่างอาจารย์ของ DPU และอาจารย์ของวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า ที่มองเห็นศักยภาพในการ “ต่อจิ๊กซอว์” ร่วมกันระหว่างสายช่างระดับ ปวช.–ปวส. กับระดับปริญญาตรีด้านวิศวกรรม เพราะทางวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้ามีความเชี่ยวชาญในการผลิตช่างเทคนิคคุณภาพสูง ส่วน DPU มีความพร้อมด้านการผลิตบัณฑิตวิศวกรรมระดับปริญญาตรี เมื่อมาร่วมมือกันจึงสามารถอุดช่องว่างและเสริมความแข็งแกร่งของสายอาชีพต่อเนื่องสู่สายวิศวกรรมได้อย่างเป็นระบบ
หนึ่งในหัวใจสำคัญของความร่วมมือ คือ การพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนร่วมกัน ทั้งในส่วนของหลักสูตรยานยนต์และวิศวกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เปิดโอกาสให้นักศึกษาสายอาชีพของวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า สามารถต่อยอดการศึกษาสู่ระดับปริญญาตรีในคณะต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยเฉพาะหลักสูตรวิศวกรรมยานยนต์สมัยใหม่ได้อย่างราบรื่น
ในด้านการพัฒนาทักษะเชิงปฏิบัติ นักศึกษาของ DPU จะมีโอกาสเข้าฝึกประสบการณ์วิชาชีพและสหกิจศึกษา ณ วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า รวมถึงได้ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์มาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในศูนย์บริการและสายงานจริงของโตโยต้า โดยนักศึกษาจะได้เห็นทั้งเครื่องไม้เครื่องมือจริงและรถยนต์จริงที่ใช้ในงานซ่อมบำรุงและบำรุงรักษาจริง ๆ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ห้องเรียนทั่วไปไม่สามารถจำลองได้ครบเท่านี้
ขณะเดียวกัน วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี DPU ยังร่วมมือกับวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า ในการส่งเสริมและสนับสนุนการทำวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมด้านยานยนต์สมัยใหม่ โดยเฉพาะเทคโนโลยียานยนต์ไฮบริดและยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังเป็นทักษะสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันใช้ทรัพยากร เครื่องมือ และองค์ความรู้ที่มีอยู่ เพื่อผลักดันให้เกิดผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมจริง
ผศ.ดร.ชัยพร ยังกล่าวถึงแนวโน้มการต่อยอดความร่วมมือว่า ทั้งสองสถาบันอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอโครงการฝึกอบรมยกระดับสมรรถนะบุคลากรด้านยานยนต์สมัยใหม่ให้กับบุคลากรภาครัฐและเอกชน ภายใต้กรอบโครงการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่มุ่งยกระดับแรงงานทักษะสูง โดยมองว่าโตโยต้ามีโนว์ฮาวและเครื่องไม้เครื่องมือครบถ้วน ส่วน DPU มีบุคลากรทางวิชาการที่แข็งแรง หากจับมือกันก็จะช่วยยกระดับบุคลากรไทยในสาขาที่ขาดแคลนให้มีสมรรถนะสูงขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม
“ความร่วมมือครั้งนี้เป็นหนึ่งใน MOU กับภาคเอกชนรายใหญ่ด้านยานยนต์ที่สำคัญของวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี DPU และเป็นโอกาสอันดีของนักศึกษาDPU เพราะโตโยต้าเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย การที่นักศึกษาของเรามีโอกาสเข้าไปเรียนรู้จากเครื่องมือจริง ระบบจริง และวัฒนธรรมการทำงานจริงขององค์กรระดับประเทศเช่นนี้ จะช่วยเสริมทั้งทักษะวิชาชีพและทัศนคติการทำงานให้พร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมีคุณภาพ” ผศ.ดร.ชัยพร กล่าวย้ำ
ผศ.ดร.ชัยพร ระบุว่า หากมีโอกาส DPU พร้อมจะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรอื่น ๆ เพิ่มเติม แต่ทั้งหมดจะยึด “ประโยชน์ของนักศึกษาและการยกระดับศักยภาพบุคลากรไทย” เป็นศูนย์กลาง “ความร่วมมือกับวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้าในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการช่วยกันเสริมความรู้ความสามารถให้กับเด็กไทย และร่วมกันยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทยในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในระยะยาว
ด้านนายนโภช แซ่อุ่ย รองประธานบริหารวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่างวิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้าและมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นโอกาสสำคัญที่จะนำจุดแข็งของทั้งสองสถาบันมาช่วยพัฒนาผู้เรียนอย่างเต็มที่ โดยวิทยาลัยในสายอาชีวะมีความโดดเด่นด้านการปฏิบัติจริง ขณะที่มหาวิทยาลัยมีความเชี่ยวชาญด้านการคิดวิเคราะห์และการออกแบบเชิงระบบ จึงสามารถ “เสริมกันและกัน” ได้อย่างเหมาะสม ที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้รับทั้งทักษะวิชาชีพที่แน่น และองค์ความรู้เชิงลึกที่สามารถต่อยอดในการเรียนและการทำงานในอนาคต
“สำหรับแนวทางความร่วมมือ เบื้องต้นได้หารือร่วมกันว่า จะเริ่มจากการพัฒนานักศึกษาสายอาชีพทั้งระดับ ปวช. และ ปวส. ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายภาครัฐด้านการพัฒนาทักษะ (Skill–Upskill–Reskill) เพื่อยกระดับแรงงานไทยให้มีศักยภาพสูงขึ้น ทั้งสองสถาบันเตรียมพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมฝึกอบรมร่วมกัน เช่น การเรียนรู้เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ โดยเฉพาะรถไฮบริดและระบบไฟฟ้าที่กำลังเป็นทักษะสำคัญของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ DPU ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษา ปวส. จากวิทยาลัยฯ สามารถเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีเพื่อเสริมความรู้ด้านการบริหารและการคิดวิเคราะห์ได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น” รองประธานบริหาร วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า กล่าว
ในส่วนของศักยภาพด้านการเรียนการสอน วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้ามีความพร้อมอย่างยิ่งด้วยองค์ความรู้จากระบบโตโยต้า ซึ่งใช้ในการพัฒนาช่างของศูนย์บริการทั่วประเทศ ผ่านศูนย์ฝึกอบรมที่มีเครื่องมือและเทคโนโลยียานยนต์ทุกรุ่นอย่างครบถ้วน จุดแข็งนี้ทำให้สามารถนำไปออกแบบหลักสูตรร่วมกับ DPU ได้ทันที พร้อมทั้งรองรับโปรเจกต์ที่ภาครัฐมอบหมายให้ทั้งสองสถาบันพัฒนาร่วมกัน ทำให้สามารถเริ่มต้นการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอกรอบเวลาของเอกสาร
นายนโภช ทิ้งท้ายด้วยว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยยกระดับแรงงานไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะการผสานทักษะปฏิบัติของสายอาชีวะเข้ากับความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ของระดับมหาวิทยาลัย จะทำให้ผู้เรียนมีความพร้อมรอบด้าน สามารถเติบโตเป็นหัวหน้างาน วิศวกร หรือผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ในอนาคต ทั้งนี้ วิทยาลัยฯ คาดหวังว่า DPU เป็นพันธมิตรสำคัญในการสร้างเครือข่ายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่แข็งแรงขึ้น โดยมีนักศึกษาเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากความร่วมมือในครั้งนี้








