ไอแบงก์จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประเมินผลสัมฤทธิ์ พ.ร.บ.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 มุ่งยกระดับกฎหมาย รองรับระบบการเงินอิสลามร่วมสมัย
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) โดย ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการ จัดเวทีเสวนา “การรับฟังความคิดเห็นในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง” ณ ห้อง 402 ชั้น 4 อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง พร้อมถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยให้มีความทันสมัย โปร่งใส และสอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน
การเสวนาครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิหลายสาขาร่วมเสวนา อาทิ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. มะรอนิง สาแลมิง ประธานที่ปรึกษาธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งร่วมเสวนาผ่านระบบออนไลน์ ศาสตราจารย์ พลโท ดร. สมชาย วิรุฬห์ผล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารและยุทธศาสตร์ และอดีตกรรมการและผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ดร.ปิยวัลย์ ศรีขำ ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์และพัฒนาสถาบันการเงินเฉพาะกิจ กองนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง คุณณัฐ เพชรทองคำ กรรมการและผู้จัดการ บริษัท อี อี ซี โฮมม์ จำกัด บริษัท เซนไนน์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และบริษัท พาร์ค วิลเลจ จำกัด โดยมี คุณกูยไวนี สตอหลง ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินรายการ นอกจากนี้ยังมีผู้แทนภาคธุรกิจด้านการเงินอิสลาม ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานต่าง ๆ ตลอดจนประชาชนทั่วไป เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
ดร. ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ เปิดเผยว่า “การประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องเป็นขั้นตอนสำคัญในการทบทวนบทบาทและกลไกการดำเนินงานของธนาคารภายใต้หลักชะรีอะฮ์ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้กฎหมายสามารถรองรับการพัฒนาระบบการเงินอิสลามของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต โดยงานเสวนาในวันนี้เป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานภาครัฐ ภาควิชาการ ผู้นำศาสนา ผู้ประกอบการ และผู้ใช้บริการของธนาคาร ได้สะท้อนมุมมองและข้อเสนอแนะอย่างรอบด้าน เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางพัฒนากฎหมายให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และทิศทางระบบการเงินอิสลามในอนาคต ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญในการยกระดับกฎหมาย ให้สามารถตอบโจทย์ประชาชนและการพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน”
ในช่วงการเสวนา ผู้เข้าร่วมเสวนาได้เสนอข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเชิงสร้างสรรค์ในหลายด้าน อาทิ การทบทวนขอบข่ายการประกอบธุรกิจของธนาคารให้มีความยืดหยุ่นและทันสมัยยิ่งขึ้น การยกระดับโครงสร้างและกระบวนการกำกับดูแลให้มีความเข้มแข็ง โปร่งใส และสอดคล้องกับหลักชะรีอะฮ์ ตลอดจนการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรและการสื่อสารภาพลักษณ์ให้ประชาชนเข้าใจบทบาทของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้อย่างชัดเจนและรอบด้านมากขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยจะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้จากงานเสวนาในครั้งนี้ไปประมวลต่อไป และธนาคารยังคงเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านระบบกลางทางกฎหมายที่ www.law.go.th จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 โดยขอเชิญชวนทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะ โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำไปประกอบการจัดทำรายงานประเมินผลสัมฤทธิ์ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากำหนด
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยในฐานะสถาบันการเงินที่ให้บริการตามหลักชะรีอะฮ์ เพื่อความยั่งยืน มุ่งมั่นขับเคลื่อนระบบการเงินอิสลามของประเทศให้มีความโปร่งใส ทันสมัย และเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนโอกาสทางเศรษฐกิจที่เป็นธรรมสำหรับประชาชนทุกกลุ่ม








