ข้อกังวลที่แม้ “แกนนำ” ระดับ “บิ๊กเนม” ไปจนถึง “ว่าที่ผู้สมัคร” ของพรรคประชาชน จะย้ำว่าไม่ได้วิตกกังวลว่า "คดี 44 อดีตสส.พรรคก้าวไกล” ที่ยังรอลุ้นกันที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะกระทบต่อ “งานใหญ่” คือการเลือกตั้ง 2569 ตั้งเป้าต้องชนะเพื่อเข้าไปเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หรือไม่ก็ตาม
แต่ต้องยอมรับว่า คดี 44 อดีตสส.ก้าวไกล ที่ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ถือเป็น “ภาคต่อ” จาก “คดียุบพรรคก้าวไกล” ที่เคยถูกศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยมาก่อนหน้านี้
เดิมทางป.ป.ช.เองเคยออกมาให้ข้อมูลว่าภายในเดือนธ.ค.68 นี้ก่อนสิ้นปีจะสามารถ “ชี้มูลความผิด” คดีดังกล่าวได้แล้ว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา “ สุรพงษ์ อินทรถาวร” รองเลขาฯ ป.ป.ช.และรักษาราชการแทนเลขาธิการป.ป.ช. ระบุว่า ไม่มีการประชุมป.ป.ช. จึงไม่มีวาระพิจารณาคดีอดีต 44 สส.พรรคก้าวไกล โดยทราบว่าฝั่งผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 44 คน ได้ร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา ดังนั้นป.ป.ช.จึงต้องพิจารณารายละเอียดในหนังสือขอความเป็นธรรมก่อน
“ คดีนี้ในชั้นคณะอนุกรรมการไต่สวนสรุปสำนวนเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว รอบรรจุวาระเข้าสู่ที่ประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่ลงมติ แต่ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหายื่นร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา ป.ป.ช.ก็ต้องพิจารณาให้ความเป็นธรรม ยังไม่รู้จะนัดลงมติได้เมื่อใด”
นอกจากนี้ยังยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ “แทคติก” เพื่อต้องการประวิงเวลาคดีนี้ออกไป และไปชี้มูลกันเอาหลังการเลือกตั้ง จบลงวันที่ 8 ก.พ.2569 เพราะป.ป.ช.ทำงานยึดตามกรอบเวลา
อย่างไรก็ดี สุรพงษ์ยังบอกด้วยว่าการพิจารณาคดีทั้ง44 อดีตสส.ก้าวไกล ต้องพิจารณา “เป็นรายบุคคล” ดูทั้งการแจ้งข้อกล่าวหา และการแก้ข้อกล่าวหา
หมายความว่าไม่ได้พิจารณาแบบ “เหมารวม” แต่จะดู “พฤติการณ์” เป็นรายๆไป !
ในจำนวนรายชื่อ 44 อดีตสส.พรรคก้าวไกล นั้นปัจจุบันได้ย้ายมาทำงานในนาม “พรรคประชาชน” โดยเฉพาะมี 2รายที่เป็น “แคนดิเดตนายกฯ” คือ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ และ “ศิริกัญญา ตันสกุล” อาจอยู่ในความสุ่มเสี่ยงและได้รับผลกระทบมากกว่าใคร เพราะนี่คือ “ตัวขาย” ในฐานะว่าที่นายกฯคนใหม่ หาก พรรคประชาชน กวาดที่นั่งสส.เข้าสภาฯ ไต้ตามเป้า
สำหรับ อดีต44 สส.พรรคก้าวไกล ที่ขายังพันอยู่ในคดีดังกล่าว พบว่า มีจำนวน 14 คนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งสส.รอบนี้ ทั้งระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์ ดังนั้นหาก14 คนผ่านเข้าสภาฯไปได้แล้ว แต่เมื่อภายหลังป.ป.ช.มีมติชี้มูลออกมาในทางที่เป็นลบ จากนั้นเรื่องจะถูกส่งไปยังศาลฎีกา เพื่อให้ตัดสิทธิ์ทางการเมืองตามมา
จึงทำให้หลายฝ่ายอดกังวลไม่ได้ว่า หาก “ฝั่งตรงข้าม” นำประเด็นนี้ไปใช้หาเสียงโจมตี พรรคประชาชน โดยเฉพาะตัวแคนดิเดตนายกฯเบอร์ 1 อย่างณัฐพงษ์ ว่าหากเลือกเข้ามาแล้ว แต่สุดท้ายอาจต้อง “ตกม้าตาย” จากคดี44 อดีตสส.ก้าวไกล หรือไม่
อย่างไรก็ ในมุมการวิเคราะห์ของ “แก้วสรร อติโพธิ” นักวิชาการอิสระ มองว่า วันนี้คนที่มีชื่ออยู่ในข่าย44 อดีตสส. ยังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ เนื่องจาก “ศาลยังไม่ตัดสิน” แต่ถ้าได้เป็น สส. แล้วศาลฎีกาพิพากษาว่า “ขาดจริยธรรมนักการเมือง” เมื่อใด ก็จะสิ้นสมาชิกภาพ สส.ทันที ส่วนใครที่ไม่ได้เป็น สส. ก็สิ้นแต่เพียงสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น
สำหรับสส.ที่จะถูกชี้มูล และเข้าข่าย แก้วสรร เชื่อว่าจะมีอยู่ราว “10กว่าคน” โดยต้องดู “พฤติการณ์” ประกอบ ไม่ใช่การเหมารวมทั้งหมด โดยพฤติการณ์ นั้น เช่นพบหลักฐานการสมคบรู้เห็น การขึ้นเวทีชุมนุมโจมตีสถาบัน การพูดจาถือหางให้กำลังใจแล้วใช้ตำแหน่ง สส.เป็นหลักประกันตัว ผู้ก่อความวุ่นวาย หรือโจมตีสถาบัน
ทั้งนี้คดีร้อน 44 อดีตสส.ก้าวไกล อาจเป็นได้ทั้ง “จุดตาย” และ “จุดแข็ง” เพราะพรรคประชาชน จะสามารถหยิบไปใช้ “หาเสียง” หาคะแนนจากด้อมส้ม และกลุ่มคนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครซึ่งมีเปอร์เซนต์ค่อนข้างสูง ว่าพรรคถูกรังแก ขอให้ประชาชนช่วยกันออกมาลงคะแนนให้พรรคส้ม เพื่อส่ง ณัฐพงษ์ ไปเป็นนายกฯคนใหม่ ให้ได้
ส่วนจะไป “ตกม้าตาย” กันในวันข้างหน้า ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับการใช้จังหวะนี้ เร่งเร้าปลุกกระแส ปลุก “ด้อมส้ม” ให้กลับมาเทคะแนน หนุนให้พรรคได้ไปเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล !







