จับคู่แลกหมัดซัดกันนัว ระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาชน และพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคกล้าธรรม ทำให้การเลือกตั้ง 2569 ดุเดือดเข้มข้น
ที่กลายเป็นประเด็น "ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์" เมื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นพรรคเต็ง 1 ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ออกมาประกาศปิดประตูใส่ พรรคประชาชน บอกว่า “ไม่มีพรรคประชาชนในสมการ”
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยทำ MOA ร่วมกัน ดัน “อนุทิน”นั่งบัลลังก์นายกฯ ก่อนจะแตกหักกันด้วยประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไปไม่ถึงฝั่ง เหลือเพียงเงื่อนไข “ยุบสภา”ที่ก็ทำภายใต้สถานการณ์ที่พรรคภูมิใจไทยมีแต้มต่อทางการเมือง
น่าสนใจ ปฏิกิริยานี้ ประหนึ่งเป็นการโต้กลับ หลังจากที่พรรคประชาชน โดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ประกาศเอาไว้ว่า ถ้าน้ำเงินได้เป็นรัฐบาล พวกเขาก็พร้อมจะเป็นฝ่ายค้าน
โดยการประกาศอยู่ตรงข้ามกับ พรรคการเมืองที่อาจมีส่วนพัวพันกับ “ทุนใหญ่” และ “ทุนเทา”
นั่นเท่ากับชี้นิ้วใส่พรรคภูมิใจไทย!! ให้อยู่ฝั่งการเมืองสีเทา
ไม่เท่านั้น บนเวทีดีเบตของไทยรัฐทีวีล่าสุด ได้ประกาศว่าจะไม่ขานชื่อ “อนุทิน” เป็นนายกรัฐมนตรีอีกแล้ว
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ล่าสุด “อนุทิน” ที่ออกมา “ตัดเป็นตัดตาย” กับพรรคประชาชน โดยยกเอาเหตุผลโต้กลับสุดแสบ ว่าจะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112
พร้อมกับขยี้อีกว่า บนเวทีดีเบตนั้น หัวหน้าพรรคประชาชนเป็นคนเดียวที่ยังหมกมุ่นกับการแก้ไขมาตรา 112
สะท้อนให้เห็นว่าภูมิใจไทยหยิบประเด็นเรื่อง มาตรา 112 มาตีให้เป็น “จุดอ่อน”ของคู่แข่ง ขณะเดียวกันก็ขยับตัวขึ้นเป็น "ผู้นำฝั่งอนุรักษ์นิยม" แบบเต็มตัว ชูภาพลักษณ์ในการปกป้องสถาบัน เพื่อดึงคะแนนจากกลุ่มที่ไม่เอาพรรคส้มทั้งหมดมาไว้ที่ตนเอง
ทางด้าน “ณัฐพงษ์” ก็ไม่ยอมตกเป็นเป้านิ่ง สวนกลับทันควันเรื่อง “นิทานกักขังประเทศ” ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณไปยังฐานเสียงของตัวเองว่า พรรคกำลังถูกกลั่นแกล้งด้วยข้ออ้างเดิม ๆ
พรรคประชาชนกำลังเล่นเกม "เดิมพันสูง" ด้วยการท้าชนว่าเลือกตั้งปี 69 นี้จะเป็นการสู้กันระหว่าง "รัฐบาลประชาชน" กับ "รัฐบาลภูมิใจไทย" เพื่อบีบให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องเลือกข้างอย่างชัดเจน โดยหวังคะแนนแลนด์สไลด์เพื่อทลายกำแพงการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต
ในขณะที่บนเวทีการเมืองกำลังฟาดฟันกัน หลังบ้านอย่าง ป.ป.ช. ก็กำลังขยับสำนวนคดี 44 อดีต สส. ก้าวไกล ปมแก้ไขมาตรา 112 แม้ล่าสุดจะยังไม่มีการลงมติในวันที่ 25 ธ.ค. เพราะต้องรอพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรม แต่สัญญาณที่ส่งออกมานั้นชัดเจนว่า “สำนวนเสร็จแล้ว”
เงื่อนเวลาในการชี้มูลความผิดของปปช. ในทางลบ อาจจะมีผลกระทบต่อพรรคประชาชน และเราอาจได้เห็นการ "ล้างไพ่" นักการเมืองพรรคประชาชนแบบ “ดีดนิ้ว”
ขณะเดียวกันประเด็นเรื่องมาตรา 112 จะเป็นแรงบวกต่อพรรคภูมิใจไทย ได้มากน้อยแค่ไหน น่าจับตา








