บทความการเมือง

“ประชาธิปัตย์” ปิดประตู  “กล้าธรรม” เกมแรง ที่ “อภิสิทธิ์” ต้องเล่น  !

แชร์ข่าว

ทำเอาอุณหภูมิการเมือง เดือดทะลุปรอทกันทีเดียว เมื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”  หัวหน้าพรรคสีฟ้า ประกาศกร้าว ไม่จับมือ ไม่ทำงานกับ “พรรคกล้าธรรม” !

แน่นอนว่าเมื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีท่าทีออกมาเช่นนี้ แม้ไม่ถึงกับท้ารบ และก็ชัดเจนว่าระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคกล้าธรรมนั้นเสมือน “ปลาคนละน้ำ” 

“ วันนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว หนึ่งเรื่องนะครับว่า ด้วยประวัติของผู้นำแคนดิเดตนายกฯ ที่มีประวัติในเรื่องของคดีที่ร้ายแรง และมีหลักฐานที่ปรากฏชัดว่าเข้าไปอยู่ในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสแกมเมอร์ที่เป็นภาพปรากฏออกมาในเรื่องของ MOU ผมขอพูดว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่สามารถอยู่ร่วมรัฐบาลเดียวกับพรรคกล้าธรรมได้ครับ”  (23 ธ.ค.2568)

การออกมาประกาศ “จุดยืน” ของหัวหน้าพรรคสีฟ้าครั้งนี้ มีขึ้นก่อนที่จะรู้ผลแพ้-ชนะ การเลือกตั้งในปีหน้า ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ว่า อภิสิทธิ์ “รีบปิดประตู”  ชักบันไดทางการเมือง เร็วเกินไปหรือไม่

เพราะในเชิงการเมืองแล้ว ถึงอย่างไรโอกาสที่จะเกิด “รัฐบาลผสม” มากกว่าที่พรรคใด พรรคหนึ่งจะได้เสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จ ตามที่ประกาศเป้าหมายผ่านสื่อ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย หรือแม้แต่พรรคประชาชนเอง   ยิ่งเมื่อเกิดการแข่งขันกันดุเดือด “ 3เส้าอำนาจ” เช่นนี้

แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ในยุคที่ อภิสิทธิ์ กลับมานั่งหัวหน้าพรรค และพรรคชูนโยบายเลือกตั้งปราบทุนเทาอย่างชัดเจน ดังนั้นเมื่อพรรคกล้าธรรมเป็นพรรคการเมืองที่ถูกตั้งข้อเกตว่ามีบุคคลเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์  และถูกพรรคประชาชน ในฐานะพรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกฯและรมว.มหาดไทย ปรับร.อ.ธรรมนัส   พรหมเผ่า ออกจากการร่วมรัฐบาล มาก่อนหน้านี้ แต่สุดท้าย กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ดี เมื่ออภิสิทธิ์ ประกาศชัดว่าจะไม่ร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมของร.อ.ธรรมนัส ปรากฏว่าได้เกิด “วิวาทะ” ข้ามพรรค ตามมาทันที เมื่อคนของทั้งสองพรรค ดาหน้าออกมาตอบโต้กันอย่างดุเดือด

นอกจากนี้ท่าทีของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ในวันนี้กำลังทำให้หลายคนมองย้อนกลับไปเมื่อคราวการเลือกตั้งในปี 2562 ตอนนั้นอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรค และเคยประกาศก่อนวันลงคะแนนไม่กี่วัน ว่าจะไม่จับมือกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จากพรรคพลังประชารัฐ พรรคใหญ่ที่หนุนพล.อ.ประยุทธ์

แต่การประกาศกร้าวของอภิสิทธิ์ ในครั้งนั้นคือการชนกับกระแส “ลุงตู่ฟีเวอร์” จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องพ่ายในสนามเลือกตั้ง เมื่อ6ปีที่แล้ว

ทว่าครั้งนี้ ย่อมมีความแตกต่าง  เมื่อวันนี้ไม่มี “ลุง” ให้ต่อต้าน แต่ “ทุนเทา” คือ “ศัตรู” สำหรับทุกพรรคการเมือง  ซึ่งดูได้จากการพร้อมใจกันชูสโลแกน ปราบทุนเทากันคึกคัก

ทั้งนี้ในมิติการเมือง อาจมีความเห็นที่ต่างออกไปว่า ท่าทีของอภิสิทธิ์ กำลังจะกลายเป็นการสร้างศัตรู เหมือน “เผาสะพาน” ทอดไมตรีตั้งรัฐบาลผสมในสมัยหน้าหรือไม่ ซึ่งจะยิ่งเป็นความแตกต่างและสวนทางกับ สไตล์อนุทิน ที่เลือกการประนีประนอม พร้อมจับมือกับทุกค่าย เพื่อกลับเข้าสู่ “ทำเนียบรัฐบาล” อีกครั้ง

           

ข่าวแนะนำ