ส่องแนวรบกัมพูชา อาวุธใหม่ หัวใจเดิม

"รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง" เป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งถึงการปะทะครั้งใหญ่ ณ แนวชายแดนแห่งบูรพาทิศ ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเริ่มปะทุขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 จวบจนปัจจุบัน การศึกครั้งนี้ได้เผยให้เห็นถึงการทะยานขึ้นของขีดความสามารถทางทหารแห่งกองทัพกัมพูชาอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ถูกนำมาใช้ในการโจมตีครั้งนี้มีความหลากหลายและล้ำสมัยผิดตา

ในการศึกครานี้ ทัพกัมพูชามิได้พึ่งพาเพียงปืนใหญ่ลากจูงอันคร่ำครึ แต่หันมาใช้ระบบอาวุธที่เน้นการยิงระยะไกล ห่าฝนจรวดหลายลำกล้อง (MLRS) มีการใช้ "จรวด BM-21 Grad" ขนาด 122 มม. ระดมยิงเข้าใส่ดุจห่าฝนทำลายล้าง เพื่อสร้างความเสียหายแก่แนวหลังและศูนย์บัญชาการหลักของทัพสยามอย่างต่อเนื่องปืนใหญ่อัตตาจร (Self-Propelled Howitzer) นำ "ม้าศึกเหล็ก SH-1" ขนาด 155 มม. จากจีน มาใช้ในการตอบโต้ ม้าศึกเหล็กนี้มีความคล่องตัวสูงกว่าปืนใหญ่ทั่วไป และมีระบบควบคุมการยิงที่เที่ยงตรงยิ่งนัก อาวุธปล่อยนำวิถีพิฆาตรถถัง (ATGM)

สิ่งที่น่าจับตามองที่สุดคือการตรวจพบ "จรวด GAM-102LR" ซึ่งเป็นจรวดนำวิถีพิฆาตรถถังแห่งยุคที่ 5 ที่ล้ำสมัยจากแดนมังกร เช่นกัน การปะทะนี้สะท้อนถึงการปรับเปลี่ยนหลักวิชาการรบของกัมพูชา โดยนำศาสตร์แห่งสงครามโลกยุคใหม่ มาประยุกต์ใช้จริง ณ แนวชายแดน

โดรนพลีชีพ (Kamikaze FPV Drones) ทัพกัมพูชาใช้ "แมลงเหล็กพลีชีพ" ซึ่งเป็นโดรนขนาดเล็กที่บังคับด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (FPV) ติดตั้งหัวรบเพื่อพุ่งชนเป้าหมายโดยตรง โดรนเหล่านี้มีราคาถูก บินว่องไว และยากต่อการตรวจจับด้วยเครื่องมือทั่วไป พวกมันถูกใช้โจมตีบังเกอร์และกลุ่มทหาร

นอกจากโดรนโจมตีแล้ว ยังมีการใช้ "โดรนสอดแนม" ในการลาดตระเวนและชี้เป้าให้กับหน่วยปืนใหญ่ เพื่อให้การยิงสนับสนุนความรุนแรงของการปะทะรอบนี้ตอกย้ำว่า กองทัพกัมพูชาในปัจจุบันมีพัฒนาเหนือกว่าการศึกเมื่อปี พ.ศ. 2554 อย่างสิ้นเชิง

ประเด็นสำคัญคือ อาวุธล้ำสมัยที่นำมาใช้ ล้วนมีต้นกำเนิดและได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากชาติมหาอำนาจ การสนับสนุนนี้เกิดขึ้นผ่านข้อตกลงลับทางทหาร การซื้อขายในราคาพิเศษ และการฝึกซ้อมรบร่วมประจำปีภายใต้รหัส Golden Dragon ความก้าวหน้าของกัมพูชา ทำให้กองทัพไทยต้องเร่งปรับยุทธศาสตร์ป้องกันด้วย กลไกสกัดกั้นโดรน (Anti-Drone Jamming) เข้าสู้

แต่กระนั้นแม้กองทัพจะยกระดับการพัฒนาขึ้น แต่ยุทธศาสตร์การเมืองที่ใช้สงครามกรุยทางไปสู่อำนาจยังเป็นแบบเดิม ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จแบบเดิม นี่คือบทเรียนที่กองทัพไทยจะไม่ยอมให้จบแบบเดิม