บทความการเมือง

ไม่ยุบสภา ไม่มีเลือกตั้ง ! “ศึกไทยรบเขมร” ยังไม่จบ “บ้านเมือง” ใหญ่กว่า “การเมือง”

แชร์ข่าว

คงไม่ต้องนับว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล” เล่นบท “ขู่” โต้กลับไปยัง “พรรคเพื่อไทย” มาแล้วกี่รอบ  ในมือ “อำนาจ” อยู่ในมือ “สร.1” การกำหนด วัน  ว. เวลา น. จึงอยู่ที่คนชื่ออนุทิน เท่านั้น

ก่อนการประชุมรัฐสภา วันนี้ 10 ธ.ค. “แกนนำพรรคเพื่อไทย” ส่งสัญญาณกลับมาเล่นเกมเดิมว่า เตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตาม ม.151 โดยมีการลงมติ โดยอาจจะยื่น หลังจากที่การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผ่านในวาระที่ 3 ไปแล้ว

หากไล่เรียง วาระ 3 ตามที่พรรคเพื่อไทย  ประมาณการณ์ จะไปตกเอาในห้วง ปลายเดือนธ.ค.นี้ ราววันที่ 29 ธ.ค. ซึ่งแน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการตกเป็น “จำเลย” ทางสังคมว่า ใช้ญัตติซักฟอกมา “บีบ” ให้นายกฯอนุทิน ต้องใช้ดาบในมือ ประกาศ “ยุบสภา” เพื่อ ตัดเกมซักฟอก

เมื่อพรรคเพื่อไทย ร่ำๆจะเปิดเกมเดิม เอามาเขย่าใหม่  นายกฯอนุทิน ยอมรับเลยว่า “ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ” เตรียมเอาไว้แล้ว และรอดูสถานการณ์ความเหมาะสม !

สิ่งที่นายกฯอนุทิน สะท้อนกลับมายังฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพุ่งเป้าไปยัง “พรรคเพื่อไทย” เพราะทั้งคู่ต่างกลายเป็น “คู่แค้น” กันไปแล้วนั้น เป็นเพราะ มั่นใจว่า เกมซักฟอกหากมีขึ้นจริง พรรคประชาชน คงจะไม่กระโดดลงไปร่วมด้วยกับพรรคเพื่อไทย เพราะในความเป็นจริงแล้ว เกมการต่อสู้ในรัฐสภา นั้นยังมีอีกหลายด่าน

โดยเฉพาะการโหวตผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 ปลายเดือนธ.ค.นี้ หัวใจสำคัญจะอยู่ที่ “67 สว.” จะต้องลงมติเห็นชอบด้วย ซึ่งสว.กว่าครึ่งของ วุฒิสมาชิก ล้วนเชื่อมโยงกับ “พรรคภูมิใจไทย” และนายกฯอนุทิน

อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริงแล้ว  การยุบสภาฯ นั้นแม้จะเป็น “อำนาจ” ของนายกฯอนุทิน  แต่ย่อมไม่ได้หมายความว่า จะยุบเมื่อไหร่ก็ได้ แม้เจ้าตัวจะ “ขู่” ว่าร่างพ.ร.ฎ.ยุบสภาฯ เตรียมเอาไว้แล้วก็ตาม

โดยเฉพาะเมื่อเวลานี้ สถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา เข้าสู่ภาวะรูปแบบการรบกันแล้ว โดยวันนี้ 10 ธ.ค.นับเป็นวันที่ 3 ของการปะทะกัน ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ชาวบ้านทั้งสองประเทศต้องอพยพ  ทหารสองฝ่ายบาดเจ็บและเสียชีวิต การปะทะกันรอบนี้ รุนแรงมากกว่าเมื่อคราว เดือน เมื่อวันที่ 24–28 ก.ค.68 ที่จ.ศรีสะเกษ ก่อนที่จะไปจบกันบนโต๊ะเจรจา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มี “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกฯมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และ โดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นสักขีพยาน

แต่การปะทะรอบล่าสุด ครั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะยุติลงที่โต๊ะเจรจาได้อีก เมื่อนายกฯอนุทิน และผู้นำเหล่าทัพ ประกาศในทิศทางเดียวกันว่า รอบนี้จะต้องทำให้ กัมพูชา สิ้นสภาพการเป็นปรปักษ์ความมั่นคงต่อประเทศไทย

ด้วยเหตุนี้ วันนี้การตัดสินใจจะยุบสภา หรือ “อยู่ต่อ” ตามที่นักวิเคราะห์การเมือง ประเมินเอาไว้ ล้วนเป็นไปได้ทิ้งสิ้น เมื่อ “การเมือง” ได้เชื่อมโยงกับ ” บ้านเมือง” เกิดเงื่อนไข ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมโดย “รัฐบาล” และฝ่ายการเมือง !!

ก่อนหน้านี้ “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน เคยระบุผ่านรายการวิเคราะห์ข่าวว่า หากสถานการณ์การปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังไม่จบ การยุบสภา คงไม่เกิดขึ้น และการเลือกตั้งก็คงยังไม่มี

ทั้งนี้ ในความเป็นจริง เมื่อวันนี้เรื่องของ “บ้านเมือง” ใหญ่กว่า “การเมือง”  การตัดสินใจของนายกฯอนุทิน ที่จะเล่นบทขู่พรรคเพื่อไทย ย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายอีกต่อไป  แม้ผู้นำรัฐบาลจะให้ อำนาจเต็มที่แก่ “กองทัพ” ในปฏิบัติการทางทหาร แต่ในฐานะผู้นำรัฐบาล จะละทิ้งหน้าที่ ไปในห้วงเวลานี้ได้อย่างไร

ขณะเดียวกัน  พื้นที่ที่อยู่ใน “ความเสี่ยง” ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีด้วยกันทั้งสิ้น 7 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด พี่น้องประชาชน ยังอยู่ท่ามกลางควันระเบิด และเสียงกระสุน บ้านเรือนพังเสียหาย และยังต้องกลับมาฟื้นฟู เยียวยา ทั้งจิตใจ ร่างกาย ตลอดจนทรัพย์สิน กันใหม่

เช่นเดียวกับสถานการณ์ “น้ำท่วมใหญ่” ในภาคใต้กินพื้นที่กระทบ 8 จังหวัด หนักหนาที่สุดคือที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เส้นเลือดทางเศรษฐกิจ ซึ่งวันนี้ยังอยู่ในโหมดของการเก็บกวาด บิ๊กคลีนนิ่งหลังน้ำลด ควบคู่ไปกับการทยอยรับการฟื้นฟู

เมื่อ “การบ้าน” สำคัญกว่า “การเมือง” การตัดสินใจของนายกฯอนุทิน จึงไม่ได้หมายความว่าจะเลือก วัน ว. เวลา น. ยุบสภาฯ ได้ตามที่ต้องการ !

 

ข่าวแนะนำ