ร้อนไฟลุก นาทีนี้ ไม่มีเรื่องไหน “เขย่า” รัฐบาล “อนุทิน ชาญวีรกูล” ได้มากเท่ากับ “ภาพถ่าย” เพียงใบเดียว อีกแล้ว !
“You know me little go" คุณรู้จักผมน้อยไป !
นี่คือประโยคที่ “อนุทิน” บอกกับสื่อล่าสุดเมื่อถูกถามถึงความสัมพันธ์ ระหว่างเขากับ “เบน สมิธ” ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับขบวนการสแกมเมอร์ระดับชาติ หลังจากที่ค่ำวานนี้ (3 ธ.ค.68) มีการปล่อยภาพถ่าย นายกฯอนุทิน ร่วมเฟรมกับเบน สมิธ
นายกฯอนุทิน ถูกสื่อเกาะติดทันที ที่ภาพว่อนโลกโซเชียล เพราะการที่ “ผู้นำรัฐบาล”ไปอยู่ร่วมเฟรม กับผู้ต้องหาคดีสแกมเมอร์ ย่อมจะมีแต่ “ลบ” ไม่มี “บวก” แน่นอน
ประเด็นร้อนที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ สืบเนื่องมาจากการที่มี “บุคคลสำคัญ” ทั้งนายกฯอนุทิน , เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง อยู่ในภาพถ่ายร่วมกับเบน สมิธ ซึ่งเป็นผู้ที่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในร่างกฎหมายของสหรัฐอเมริกา เกี่ยวข้องกับการปราบปรามเครือข่าย Scammer ระดับนานาชาติ
นอกจากนี้ ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ได้ประกาศดำเนินการอายัดทรัพย์ไปสดๆร้อนๆ เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา มูลค่ากว่า 9 พันล้านบาท
เท่ากับว่า เบน สมิธ คือบุคคลที่ไม่มีใครอยากรู้จัก ไม่สนิท และ “ไม่คบหา” ดังนั้นทั้ง นายกฯอนุทิน และเอกนิติ รองนายกฯ ซึ่งถูกวางเอาไว้ให้เป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรคภูมิใจไทย จึงพร้อมใจกัน “ปฏิเสธ” ในท่วงทำนองเดียวกัน
อย่างไรก็ดี ในภาพถ่ายดังกล่าวยังไม่ได้มีเพียงนายกฯอนุทิน และเอกนิติ คนในรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังปรากฏ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผบ.ทบ. ,อุปกิต ปาจรียางกู อดีต สว. และพลตำรวจเอก วิสนุ ปราสาททองโอสถ อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ รวมถึง สารัชถ์ รัตนาวะดี เจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน
นอกจากนายกฯอนุทินและเอกนิติ จะออกมาชี้แจงแล้ว พล.อ.อภิรัชต์ ได้ระบุผ่านสื่ออธิบายว่าเป็นภาพเก่า และไม่ได้คบหากับเบน สมิธ
“ผมได้เห็นภาพและขอชี้แจงตามนี้ว่า ภาพแรกเป็นภาพปี 2557 ขณะเรียนหลักสูตร วปอ.และเดินทางไปดูงานที่สิงคโปร์ มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักนายเบน สมิธ เป็นนักธุรกิจและมารับประทานอาหาร ซึ่งยังจำได้ว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล พูดในตอนนั้นว่า อเมริกันแชร์ คือทุกคนจ่ายค่าอาหารทุกคน ไม่มีใครเลี้ยง” (4 ธ.ค.68)
เบน สมิธ คือบุคคลที่ทุกคนไม่ต้องการคบหรือรู้จัก ในวันนี้ แต่ภาพถ่ายในอดีตซึ่งถูกนำมาเปิดเผยว่อนโลกโซเชียล ต้องยอมรับว่า “มีผลกระทบ” ต่อรัฐบาล โดยเฉพาะ ทั้งต่อนายกฯอนุทิน และเอกนิติ ไม่น้อย
เมื่อรัฐบาลเพิ่งออกแอคชั่นเรื่องทุนเทา หลังจากที่ นานาประเทศ “กดดัน” บุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์และทุนเทา ไปแล้วก่อนหน้านี้อย่างเข้มข้น ทั้งการยึดทรัพย์ การใช้กฎหมายจัดการ ดำเนินคดี ขณะที่รัฐบาลไทยถูกโจมตีว่า “ล่าช้า” และยังปรากฏว่า ทางการไทยเพิ่งสั่งยึดและอายัดทรัพย์ บุคคลที่อยู่ในขบวการสแกมเมอร์ก่อนหน้านี้ 2วัน ในคดีสำคัญ 4 รายคดี ยึดและอายัดทรัพย์สินรวม 289 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 10,165 ล้านบาท โดยในกลุ่มนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงทุนเทา
ทั้ง เฉิน จื้อ ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัท Prince Holding Group (Prince Group) กลุ่มธุรกิจข้ามชาติในประเทศกัมพูชา กลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรม
“ก๊ก อาน” คนใกล้ชิด “ฮุน เซน” อดีตผู้นำกัมพูชา ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและฟอกเงิน
แม้นายกฯอนุทิน จะออกมาย้ำว่า “รู้จัก แต่ไม่สนิท” พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลนี้ยังเดินหน้าจัดการกับปัญหาสแกมเมอร์ ทุนเทา ทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาเองเพิ่งร่วมแถลงความร่วมมือปฏิบัติการถอนรากสแกมเมอร์ข้ามชาติ ไปสดๆร้อนๆ ดังนั้นขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลนี้ไม่มีละเว้นใครทั้งสิ้น
และนี่จึงไม่ใช่สาเหตุที่รัฐบาลจะไม่กล้าปราบพวกของ เบน สมิธ อย่างจริงจัง
“ ผมหรือไม่กล้าแตะ You know me little go รู้หรือเปล่าแปลว่าอะไร คุณรู้จักผมน้อยไป”
แต่ดูเหมือนว่า คำยืนยันจากนายกฯอนุทิน ยังไม่ใช่สิ่งที่ยืนยันได้ว่า “ความเชื่อมั่น” ของรัฐบาลจะสวิงกลับมา เพราะยังมี “แรงกดดัน” ที่มาพร้อมคำถาม ว่าเหตุใดยังไม่มีการ”ออกหมายจับ” เบน สมิธ ทั้งที่โยงคดีทุนเทาข้ามชาติ และเมื่อครบ 90 วัน การสั่งอายัดทรัพย์แล้ว กระบวนการทางกฎหมายจะ “บังคับ” และ “ยึดทรัพย์” ได้หรือไม่
ที่สำคัญไปมากกว่านั้น การออกมาปฏิเสธ ของนายกฯอนุทิน และบุคคลที่เกี่ยวข้อง จะลบล้างข้อข้องใจและคำถามที่ว่า “ภาพหลุด” ครั้งนี้กำลังสะท้อนว่า ทุนเทานั้นแทรกซึมอยู่กับเรามานานแค่ไหนแล้วมากกว่า !








