แรงตกกระทบ พุ่งมาที่ “พรรคส้ม” ยากที่จะเลี่ยง เมื่อกระแสความนิยมของประชาชน ซึ่งมีต่อ ทั้งตัว “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และ “พรรคประชาธิปัตย์” ทะยานสูงขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็น “ฐานเสียง” ดั้งเดิมของพรรคสีฟ้า
แต่อย่าลืมว่า ในการเลือกตั้งสส.เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกล ได้คะแนนนิยมในปักษ์ใต้สูงอย่างน่าประหลาดใจ ส่วนหนึ่งทำให้แฟนคลับของพรรคประชาธิปัตย์ พากันเทใจไปเลือกพรรคส้ม มาแล้ว
ผลการสำรวจจากนิด้าโพล ครั้งล่าสุดเจาะลึกในภาคใต้ ไม่เพียงแต่จะส่งสัญญาณว่า กระแสประชาธิปัตย์จะกลับมาเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันยัง “เบียด” ฐานคะแนนที่พรรคประชาชน เคยบุกเข้าไปปักธงมาอีกด้วย
และเมื่อกระแส อภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ สูงขึ้นในภาคใต้ ยังมีแนวโน้มว่าอาจส่งผลข้ามช็อตไปยังพื้นที่กทม. ซึ่งพรรคสีฟ้าเคยสร้างกระแสชนิดถล่มทลายมาแล้ว และอาจเทียบได้กับเมื่อการเลือกตั้ง สส.ในปี 2566ที่ กระแส “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เคยทำแล้วประสบความสำเร็จ กวาดสส.กทม.เกือบยกกรุงเทพฯ เว้นเอาไว้ให้พรรคเพื่อไทย เหลือเพียง 1เก้าอี้
ทว่าสถานการณ์ที่กำลังกลายเป็น “การบ้านข้อยาก” สำหรับพรรคประชาชน เมื่อการเลือกตั้ง กำลังจะเกิดขึ้นในต้นปีหน้า 2569 ยังอยู่ที่ว่ากรรมวิธีการ “ปั้นกระแส” ของ “3 แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรคประชาชนเอง เพื่อไปสู้กับ “คู่แข่ง” ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะชูอภิสิทธิ์ และพรรคเพื่อไทย ที่จะต้องวางตัว คนในครอบครัว “ชินวัตร” เสนอตัวมาต่อ จาก “แพทองธาร ชินวัตร” อดีตนายกฯและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
เมื่อ3 แคนดิเดตนายกฯที่พรรคประชาชนเปิดตัวลงมา ยังไม่สร้างกระแส ทำให้ “ว๊าว” กันมากพอ จะกลายเป็น “ปัญหาใหญ่” ต่อทั้งตัวพรรคและตัว “ผู้สมัคร” ที่จะต้องแต่งตัวลงชิงใน “เขตเลือกตั้ง” มากขึ้น
พรรคประชาชน นำเสนอ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตคนที่ 1 ตามมาด้วย “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค เป็นเบอร์ 2 และปิดท้ายที่ “อาจารย์ต้น” วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 3 รายชื่อนี้ ถูกคาดการณ์กันเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเปิดชื่อจึงไม่มีเซอร์ไพรส์ !
แม้ทั้ง3 คน จะมีโปรไฟว์ที่น่าสนใจ ทั้งการศึกษา ประวัติการทำงานและการเป็น “คนรุ่นใหม่” หากแต่เมื่อต้องลงมาสู่ “สนามการเมือง” แล้ว ยังต้องมี “เสน่” ดึงดูด “โหวตเตอร์” คือประชาชนที่จะลงคะแนน เหมือนกับที่ พิธา เคยสร้างเอาไว้ และแม้แต่ “เจ้าของพรรคตัวจริง” อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า เองก็ยังไม่สามารถได้เรทติ้งสูงเท่าที่พิธา เคยทำเอาไว้ด้วยซ้ำ
เมื่อกระแสแคนดิเดตนายกฯ ของพรคส้มยังไม่ขยับ แม้หลายคนประเมินว่าอาจจะไปพุ่งทะยานในช่วง “เดือนสุดท้าย” ก่อนเลือกตั้ง ตามรอยที่พิธา ในช่วงการเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งในห้วงเวลานั้น พรรคก้าวไกลยังมาแรงด้วยการชูสโลแกน “มีลุง ไม่มีเรา” จนดังทั่วบ้าน ทั่วเมือง มาแล้ว
เพียงแต่ครั้งนี้พรรคส้ม ไม่ได้สู้กับ “ลุง” อีกแล้ว และกำลังเจอกับการชิงกระแสคืนจากอภิสิทธิ์ และพรรคสีฟ้า ในฐานเสียง ฐานเดียวกัน อีกด้วย







