หากจับอาการของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หลังจากที่รู้ว่า “คะแนนนิยม” ทั้งของตัวเองและพรรคภูมิใจไทย หล่นหายไปพร้อมกับสถานการณ์น้ำท่วมที่ภาคใต้ โดย “นิด้าโพล” เปิดผลการสำรวจความเห็น “กระแสการเมืองในภาคใต้” ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา จะพบว่า ทั้งในฐานะ “หัวหน้าพรรค” และ “หัวหน้ารัฐบาล” ไม่ได้แสดงความหวั่นไหว ออกมา
แน่นอนว่า เมื่อนายกฯอนุทิน คือนักการเมืองที่แก่กล้าพรรษา ผ่านร้อน ผ่านหนาวมายาวนาน ย่อมประเมินได้ว่า แม้วันนี้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนในสังคมและพี่น้องชาวใต้ 9 จังหวัดที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ จะดังอื้ออึงจนกระทบต่อ “คะแนน” และความเชื่อมั่นของ “รัฐบาล”
แต่นี่อาจไม่ได้หมายความว่า “พรรครัฐบาล” จะหมดโอกาส ที่จะใช้ “เวลา” ที่ยังเหลืออยู่ เร่งทวงความเชื่อมั่น โดยเฉพาะจากนี้ไปจะเข้าสู่โหมดของการ “เยียวยา”เพื่อ “ฟื้นฟู” ทั้งวิถีชีวิต ผู้คนพี่น้องชาวใต้ ตลอดจน “ภาคธุรกิจ” ในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของหาดใหญ่
และเหนืออื่นใด คือเวลานี้มีสัญญาณที่ชัดเจนแล้วว่า อาการแข็งกร้าว จาก “ฝ่ายค้าน” ไม่ว่าจะเป็น “พรรคประชาชน” หรือแม้แต่ “พรรคเพื่อไทย” เอง คงไม่มีใครยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามมาตรา 151 ในเร็วๆนี้ แน่นอน
เมื่อการใช้แผนเอา “รัฐธรรมนูญ” เป็น “ตัวประกัน” ขวางไม่ให้ “พรรคประชาชน” เลือกไปเดินเกมเดียวกับ “พรรคเพื่อไทย” แล้วมาจับมือกันยื่นซักฟอกรัฐบาล ก่อนวันเปิดประชุมสภาฯ 12ธ.ค.นี้ อีกทั้งยัง “ดักคอ” ลากเกมยาว ด้วย “ภารกิจใหญ่” การแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ 9 จังหวัดภาคใต้ขึ้นมา “บีบ” ไม่ให้ “พรรคเพื่อไทย” ไปยื่นญัตติซักฟอก เมื่อ “ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ผ่านวาระ 2 ไปแล้วในวันที่ 11 ธ.ค.
เท่ากับว่าการยื่นญัตติซักฟอกจาก “ฝ่ายค้าน” ทั้ง 2พรรคมีอันต้อง “พับแผน” เพราะเวลานี้ไม่มีใคร “พร้อมเลือกตั้ง” ด้วยกันทั้งสิ้น !
ดังนั้น จากนี้ไปเมื่อเข้าสู่โหมดการฟื้นฟูหลังภาวะ “น้ำลด” จึงจะเป็น “หน้าที่” ของรัฐบาล ตามอำนาจ “ฝ่ายบริหาร”
ทั้งนี้มาตรการฟื้นฟูที่ผ่านความเห็นชอบจากครม.เศรษฐกิจ เมื่อวันที่ ธ.ค.ที่ผ่านมา แบ่งออกเป็น 4 ด้านใหญ่ 1.มาตรการลดภาระหนี้ 2. เพิ่มเงินในกระเป๋าให้ประชาชนและภาคธุรกิจ 3. ลดภาระค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ 4. ด้านอื่นๆ ที่จะทำให้ผู้ประสบภัยกลับมาเข้มแข็งดังเดิม โดยในส่วนของกระทรวงต่าง ๆที่เกี่ยวข้องทั้งก.คลัง,สำนักนายกฯ และ พาณิชย์ ได้ออกมาตรการต่างๆมารองรับ รวมถึงการเร่ง “จ่ายเงินเยียวยา” ให้แก่ผู้ประสบภัย ทั้งที่บ้านเรือนเสียหาย และคนในครอบครัวเสียชีวิต รายละ 2ล้านบาท
นอกจากนี้ การเดินหน้า “โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2” ตามแผนแล้วจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)อนุมัติ ภายในเดือนธ.ค.นี้ และเริ่มใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้า 2569 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ยังไม่นับรวมไปถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตามกระทรวงต่างๆ ที่อยู่ในมือ “พรรครัฐบาล” เพราะเมื่อต่างเป็น “รัฐบาลผสม” และยังต้องเอื้อกันต่อไปในฐานะ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ซึ่งมีเวลาทำงาน “จำกัด” เพียง 4เดือนซึ่งอาจลากยาวได้ไม่เกิน 31 ม.ค.69 แต่เมื่อถึงเวลานี้ ต้องยอมรับว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาลวันนี้ พร้อมแล้วที่จะลงสนามเลือกตั้ง !







