ดราม่าน้ำท่วมหาดใหญ่ วิกฤติในวิกฤต ดราม่ากระแสวิจารณ์การจัดการเหตุวิกฤตน้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่ กลายเป็น “วิกฤตซ้อนวิกฤต” ของรัฐบาลอนุทิน โดยเฉพาะบทบาทของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.) ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งหมาดๆ กลายเป็นจุดโฟกัสทางการเมืองที่ร้อนแรงที่สุด
ประเด็นที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อ ร.อ.ธรรมนัส คือกรณีที่ไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมกับนายกรัฐมนตรีผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ได้ในวันวิกฤต แต่กลับมีภาพปรากฏว่าท่านไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่แทนที่จะเป็นหาดใหญ่ ทำให้ถูกโจมตีเรื่องการจัดลำดับความสำคัญ
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส ได้ตอบสนองต่อสถานการณ์ โดยลงพื้นที่หาดใหญ่ในวันต่อมา พร้อมสั่งการระดมกำลังทหาร รถทหาร เจ็ตสกีกำลังสูง และเรือหางยาวชาวประมงเข้าพื้นที่ที่เรือท้องแบนเข้าไม่ถึง เน้นภารกิจช่วยผู้ป่วยฉุกเฉิน มีภาพของเขาเข้าไปช่วยลำเลียงผู้ป่วยฟอกไตที่ไฟฟ้าดับ และการกระจายเสบียงอาหาร พร้อมชี้แจงสาเหตุของน้ำท่วม และคาดการณ์ว่าหากไม่มีฝนเติมจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายใน 3 วัน โดยมีการเปิดบานประตูระบายน้ำทุกจุดเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่
หากพิเคราะห์อย่างสังเคราะห์ ประเด็นเรื่องรับมือภัยพิบัตินั้นคือการเดิมพันทางการเมืองที่เดิมพันด้วยคะแนนเสียงและความอยู่รอดของรัฐบาล แต่การที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งมาจากพรรคร่วมรัฐบาลที่มีจำนวน ส.ส. ไม่มากนัก เป็นผู้อำนวยการศนภ.ที่มีอำนาจบูรณาการสูงในห้วงวิกฤต ถือเป็นการสะท้อน 2 มิติ คือการไว้เนื้อเชื่อใจว่าสามารถบูรณาการการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกมิติหนึ่งคือการกระจายความรับผิดชอบ
แน่นอนว่าโฟกัสและความคาดหวังในการแก้ไขวิกฤติถูกถ่ายโอนจากนายกรัฐมนตรีมาที่ ร.อ.ธรรมนัส อย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นที่ทราบกันดีว่าพรรคกล้าธรรมนั้นมีฐานเสียงอยู่ในพื้นที่ภาคใต้และให้ความสำคัญกับพื้นที่ภาคใต้เป็นพิเศษ หากสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร.อ.ธรรมนัส ก็สามารถ “ซื้อใจ” ประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนได้ เรียกว่า เปลี่ยน “วิกฤต” เป็น “โอกาส” ที่จะโชว์ฝีมือการจัดการวิกฤต ให้ประชาชนรับรู้ว่าเมื่อมีปัญหา พวกเขาจะมี ส.ส.จากพรรคที่แก้วิกฤตได้ทันที แต่ในทางกลับกันก็เผชิญความท้าทาย หากบริหารจัดการวิกฤตขาดประสิทธิภาพและล่าช้า ก็จะกลายเป็นกระแสตีกลับไปที่ ร.อ.ธรรมนัส และอาจกระทบไปถึงพรรคกล้าธรรมเช่นกัน
วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่จึงไม่ได้เป็นเพียงการต่อสู้กับภัยธรรมชาติเท่านั้น แต่เป็น “เกมการเมืองที่เดิมพันด้วยความอยู่รอด” ของพรรคกล้าธรรมในพื้นที่ภาคใต้ ร.อ.ธรรมนัส จะใช้เวทีศนภ.ในการเปลี่ยนความเสี่ยงให้เป็นโอกาสในการสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง และตอกย้ำความตั้งใจในการ “ยึดครอง” พื้นที่ทางการเมืองของภาคใต้ได้อย่างไร น่าติดตาม
#น้ำท่วม #หาดใหญ่ #ธรรมนัส #รัฐบาลอนุทิน #กล้าธรรม #การเมืองไทย #อุทกภัย #ดราม่าการเมือง #ข่าวการเมือง







