9 กันยายน 2568 “อิสรภาพ” ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯคนที่ 23 สิ้นสุดลง เมื่อเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ควบคุมตัวทักษิณจากศาลฎีกาฯ ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าสู่กระบวนการรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ และต่อมาได้ย้ายไปที่เรือนจำกลางคลองเปรมตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์
การกลับเข้าสู่เรือนจำของทักษิณ ครั้งนี้ เป็นไปตามคำสั่งศาลฎีกา แผนกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) ให้บังคับโทษจำคุก ทักษิณ เป็นเวลา 1 ปี จากกรณี “ชั้น 14” เพราะ “ป่วยทิพย์”
จากวันนั้นเป็นต้นมา ข่าวคราว ความเป็นอยู่ของทักษิณ ถูกเปิดเผยผ่านคนใน "ครอบครัวชินวัตร” ที่แวะเวียนไปเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง ทั้งคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา รวมถึงแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯและสามี “เอม” พินทองทา คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนกลาง ที่ไปพร้อมกับ “ณัฐพงษ์ คุณากรวงศ์” สามี ซึ่งถูกโฟกัสว่าอาจจะเป็น 1ใน3แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย และ “โอ๊ค”พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายคนโตทีเพิ่งไปปรากฎตัวเยี่ยมพ่อ กับน้องๆ ทำเอาคอการเมืองฮือฮาไม่น้อย
การอยู่ในเรือนจำของทักษิณ จากคดี “ชั้น 14” ส่งผลต่อทิศทาง ทางการเมือง ของพรรคเพื่อไทย อย่างชัดเจน เมื่อพรรคขาด “หัวเรือใหญ่” ที่แม้จะไม่สามารถรับตำแหน่งใดๆทางการเมือง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทักษิณ คือผู้ทรงอิทธิพลของพรรค โดยเฉพาะในยามที่พรรคเผชิญกับมรสุมทางการเมืองครั้งใหญ่
อย่างไรก็ดี หากนับห้วงเวลา 1ปีที่ทักษิณ ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำ แม้ก่อนหน้านี้จะเคยมีความพยายามจากทักษิณ ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ในที่สุดมีการ “ยกฎีกา” ตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว
ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า ทักษิณจะหมดหนทางที่จะได้ออกจากเรือนจำ ก่อนครบกำหนด 1ปี เนื่องจากตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ กำหนดเอาไว้ว่า เมื่อรับโทษครบกำหนด 1 ใน 3 คือ 4 เดือน สามารถยื่นขอ “พักโทษกรณีพิเศษสำหรับผู้มีอายุเกิน 70 ปี” ซึ่งทักษิณ อยู่ในเกณฑ์นี้
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ “กองเชียร์ทักษิณ” ทั้งที่เป็นอดีตคนเสื้อแดง และเอฟซีพรรคเพื่อไทย เฝ้ารอคอยด้วยความหวังว่า ทักษิณ จะได้ออกจากเรือนจำในวันที่ “9 ม.ค.69” ปีหน้า เพราะครบกำหนด 4เดือน รับโทษไปแล้ว 1 ใน3 นั่นเอง
ล่าสุด วิบากกรรมของทักษิณ ยังไม่จบเพียงแค่ “คดีชั้น 14” เมื่อมีรายงานว่า “อัยการสูงสุด” ยื่นอุทธรณ์ “คดี ม.112” ในวันที่ 21 พ.ย.นี้ !
จากเดิมที่ศาลอาญาซึ่งเป็นศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง กรณีทักษิณ ให้สัมภาษณ์ กับสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน
โดยมีรายงานว่าเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา “อิทธิพร แก้วทิพย์” อัยการสูงสุด(อสส.) มีความความเห็น ว่าการกระทำ ของทักษิณเป็นความผิดตามฟ้องเห็นควรที่จะยื่นอุทธรณ์คดีให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาต่อไป
ขั้นตอนต่อไปคำสั่งยื่นอุทธรณ์ของอัยการสูงสุด ซึ่งถือเป็นคำสั่งเด็ดขาด จะถูกส่งไปยังอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เจ้าของสำนวนเพื่อยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป
มรสุมจาก “เรื่องเก่า” ที่กลายเป็น “ปัญหาใหม่” สำหรับทักษิณ คือคดี ม.112 ได้ย้อนกลับมาทำพิษ อีกครั้ง เพราะจากเดิมที่ประเมินว่า “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” ของพรรคเพื่อไทย จะได้รับอิสรภาพในต้นเดือนม.ค.ปีหน้า จะทันกับการ “จัดทัพ” เพื่อ “สู้ศึกเลือกตั้ง” ในเดือนมี.ค.69 กำลังถูกเบรกลงกระทันหัน
สถานการณ์ที่ยากลำบากของพรรคเพื่อไทย ที่ยังมองไม่เห็น โอกาสฟื้นหลังสูญเสียอำนาจรัฐ เสียเก้าอี้ “นายกฯคนที่ 31” ที่ผ่านมา จะปรับแผนสู้ “คู่แข่ง” ได้ในมิติไหน !?








