การเมืองทั่วไป

"ชูวิทย์" ซัดการเมืองไทยแบ่งขั้ว บังคับให้คนเลือกข้าง ประเมิน "รัฐบาลใหม่" อยู่ไม่ถึง1ปี เตรียมเดินสายแสดงความเห็น ยันไม่เป็นศัตรูกับใคร

แชร์ข่าว

วันที่ 27 ธันวาคม 2568 ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงบรรยากาศการเมืองในช่วงเปิดฤดูกาลเลือกตั้ง โดยตั้งข้อสังเกตว่า พรรคการเมืองจำนวนมากออกมาแสดงพิธีกรรมทางการเมืองในช่วงเลือกตั้ง แต่ไม่เคยรับฟังเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมตั้งคำถามว่า นักการเมืองเคยถามประชาชนหรือไม่ก่อนตัดสินใจทางการเมือง

นายชูวิทย์ กล่าวว่า สังคมการเมืองไทยมีทั้งการเมืองเก่าและการเมืองใหม่โดยเห็นว่าพรรคการเมืองใหม่ควรเปิดใจรับฟังคำวิจารณ์ ไม่ควรกล่าวโทษฝ่ายการเมืองเก่าว่าเป็นต้นเหตุปัญหาทั้งหมด พร้อมพาดพิงถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าการอ้างความเป็นการเมืองใหม่ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมทางการเมืองที่ผ่านมา โดยเฉพาะการจับมือจัดตั้งรัฐบาล ปฏิเสธว่าการเมืองเก่าไม่ได้ทำ ก็ไปตกลงกันเอง ซึ่งเมื่อตกลงกันไม่รู้เรื่อง ท้ายสุดจึงทะเลาะกัน ก็นำไปสู่การยุบสภา และเสียเงินเลือกตั้งเป็นหมื่นล้าน ประชาชนไม่เคยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในประชาชนกว่า 14 ล้านเสียงที่เลือกพรรคการเมืองมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง และมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ด้วยความชอบธรรม ในส่วนของคนรุ่นใหม่ทางการเมือง ตนไม่ได้ตำหนิบุคคลอย่าง น.ส.รักชนก ศรีนอก และ นายรังสิมันต์ โรม จากพรรคประชาชน คนรุ่นใหม่ที่มีไฟและเป็นความหวังของประเทศ แต่สะท้อนว่าภายในพรรคการเมืองเองยังมีความไม่เสมอภาค และยังถูกครอบงำโดยผู้นำหรือแกนนำหลัก

นายชูวิทย์กล่าวว่า การเมืองไทยแบ่งขั้ว ประชาชนถูกบังคับให้เลือกข้างทางการเมือง แบ่งสี แบ่งฝ่าย ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นเพียงคนทำมาหากิน ไม่ได้รับรู้หรือมีส่วนร่วมในการเจรจาทางการเมืองเบื้องหลัง แต่กลับต้องรับผลจากการตัดสินใจของนักการเมือง

นายชูวิทย์ ย้ำว่าตนมีสิทธิ์ 100% ที่จะออกมาวิจารณ์การเมืองไม่ได้โกรธแค้น แต่รู้สึกผิดหวังต่อพรรคการเมืองที่เคยเลือก และยังยืนยันว่าจะให้โอกาสพรรคการเมืองใหม่ต่อไป พร้อมระบุว่า การวิพากษ์วิจารณ์ของตนเป็นการสอนบทเรียนทางการเมือง เพื่อไม่ให้นักการเมืองหลงตัวเอง

นายชูวิทย์ กล่าวว่า นโยบายต่างๆ ของพรรคการเมือง หลายครั้งเป็นเพียงการแสดงบนเวที ไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติจริง และประชาชนไม่เคยถูกถามความเห็นจากพรรคการเมือง นอกจากนี้ นายชูวิทย์กล่าวว่า ตนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์ โดยย้ำว่า นักการเมืองทั้งเก่าและใหม่ล้วนมีทั้งข้อดีและข้อบกพร่อง และไม่ควรผลักภาระความผิดพลาดให้ประชาชน

นายชูวิทย์ กล่าวว่า รัฐบาลผสมที่เลือกตั้งในครั้งนี้อยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี เพราะเป็นรัฐบาลผสมมีความเปราะบาง พร้อมตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าในการนำเงินภาษีประชาชนไปจัดการเลือกตั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นายชูวิทย์ ระบุว่า ตนจะเดินสายแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนทั่วไป ไม่ได้เป็นศัตรูกับนักการเมืองคนใด แต่ต้องการสะท้อนความผิดหวัง และเรียกร้องให้พรรคการเมืองเลิกแบ่งขั้ว เลิกสร้างแรงกดดันให้ประชาชน และหันมารับฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริง