วันที่ 26 ธ.ค. 2568 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย อดีตสส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ได้แนะนำแนวทางการหาเสียงให้กับผู้สมัครสส.ในส่วนพื้นที่ภาคกลางของพรรคเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ควรมีการศึกษาข้อมูลจริงในพื้นที่ให้ดี เพราะเวลา 40 กว่าวันไม่สามารถเดินได้หมดทุกพื้นที่ เพราะคนยุคนี้เขารู้ว่าใครพูดจริง ไม่จริง เป็นสิ่งสำคัญ และยังต้องรู้ว่าเขามีการเตรียมการเพื่อประโยชน์ของการเมือง มีการโยกย้ายข้าราชการ มีการย้ายภายใน 24 ชั่วโมงในอำเภอหนึ่งเพราะว่าไม่ถูกใจนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล พวกเราต้องเตรียมรับมือ เวลาพูดก็อย่าไปเป็นศัตรูกับข้าราชการ เพียงแต่ขอให้ยึดมั่นความถูกต้อง ยึดความตรงไปตรงมา อย่าไปเป็นเครื่องมือใคร เช่นกรณีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตนได้ทำจดหมายถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุขขอให้ปกป้องอสม. อย่าให้นักการเมืองเอามาใช้เป็นเครื่องมือในการทุจริตหรือซื้อเสียง ความจริงตนเป็นคนประกาศให้มีอสม.ในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคนแรกที่เริ่มจะให้เบี้ยเลี้ยงอสม. ต่อมาก็นายสาธิต ปิตุเตชะ เป็นรมช.สาธารณสุข ก็เป็นคนผลักดันให้จนได้
“ข้อมูลเหล่านี้ควรจะศึกษาและนำไปพูด เพราะประชาชน และอสม.ส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่ามาจากพรรคการเมืองบางพรรค ดังนั้นเราต้องรู้ข้อเท็จจริงเพราะเวลาหาเสียง ถ้าเราเดินอย่างเดียวไม่มีทางที่จะชนะหรอก ดังนั้นการจะสู้ได้คือการให้ความจริง ชี้ให้คนเห็นว่าการที่การเมืองมาจากการใช้เงิน ก็จะเกิดการทุจริต มันก็จะอยู่ในวงจรอุบาทว์ ซื้อเสียงได้สส. มาตั้งรัฐบาลก็โกง แล้วเอาเงินนี้มาซื้อเสียงเวียนอยู่อย่างนี้ เราจะหลุดพ้นวงจรอุบาทว์นี้ไปได้ คือการเมืองสุจริต ประเทศรุ่งเรืองเมื่อบ้านเมืองสุจริต เราต้องมีความกล้าในการให้ความจริงกับประชาชนที่ต้องทำมาหากินเขาไม่รู้หรอกอะไรยังไงเพราะเขาไม่มีเวลามาศึกษา ดังนั้นถ้าได้มาเป็นผู้แทนจริงๆต้องกล้าพูดอย่าไปกลัวความจริงอะไรที่ไม่ดีก็บอกว่าเป็นอย่างนี้”
นายชวน กล่าวว่า หากต้องการให้ประเทศเราเป็นมหาอำนาจต้องไม่ไปร่วมมือกับวงจรทุจริต ใครที่อยู่จังหวัดที่มีการซื้อเสียง ต้องศึกษาว่าจังหวัดนั้นเขาใช้ประมาณเท่าไหร่ บางพรรคเขาขายไปเลย 500 ล้านบาท เพื่อเอาเงินมาจ่ายคนละ 5-10 ล้านบาท ตนได้คุยกับบางคนที่ไปอยู่พรรคอื่นว่าทำไมก่อนหน้านี้บอกว่าจะไม่ไปที่อื่น เขายอมรับว่ามาคุยกับนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ เลขาธิการพรรคแล้วว่าไม่มีเงินให้อย่างที่พรรคอื่นทำกัน แต่เขาจำเป็นต้องใช้เงินก็เลยต้องขอไป เคยถามบางคนที่นั่งอยู่ในสภาว่าได้มาเท่าไหร่ เขาก็บอกตัวเลขมา ผมบอกอย่าใช้เลย ท่านได้มาด้วยเงินก้อนนี้ก็ไม่มีศักดิ์ศรีอะไร แต่ถ้าเขาให้มาก็เก็บเงินไว้ แต่มันเป็นเงินสกปรก มีบางคนจะไปซื้อพรรคการเมือง 500 ล้านบาท ซื้อสส. 50 ล้านบาท ตนถามนายสาธิต (ปิตุเตชะ ) ว่าญาติที่ไปอยู่พรรคอื่นได้เท่าไหร่ ท่านบอกว่าราคาเหมือนกับที่อื่น เงินพวกนี้มันหามาเองไม่ได้หรอก ยกเว้นพวกต้มตุ๋น สแกมเมอร์ ซึ่งหัวหน้าพรรคประกาศชัดเจนว่าไม่เอาด้วยกับการเมืองที่มาจากระบบนี้ ”
“หากเราพูดเรื่องความสุจริตก็ไม่ต้องทำเรื่องที่ทุจริต ไม่ใช่ไปทุจริต โกง แทรกแซงองค์กรเลือกตั้ง แทรกแซงส.ว. อันนี้ไม่ใช่การเมืองสุจริต ขอย้ำว่าพวกเราที่สมัครผู้แทน ถ้าท่านไม่พูดท่านไม่ได้ ท่านไม่ชนะ ท่านมีโอกาสต่อเมื่อท่านพูดกับประชาชนบอกความจริงประชาชน ระหว่าง 50 ล้านกับ 5 หมื่น เขาสู้กันได้อย่างไร แต่เราสู้ได้ ผมสู้มาแล้ว แต่เหนื่อย เหนื่อยตลอดช่วงหาเสียงผมแทบจะขาดใจ ฉะนั้นไม่มีใครได้มาฟลุ๊คๆ ถ้าเราไม่พูด ก็ไม่มีวันได้ อยากเกือบตกหรือเกือบได้ ถ้าอยากเกือบตก คือได้ ต้องทำงานหนักใครไม่ทำงานหนัก ไม่มีวันได้ กระแส พรรคดีขึ้นมาจริง แต่ไม่ขนาดที่จะท่วมท้นหรอก ฝากไว้ให้เป็นข้อคิดสำหรับคนที่อยากเป็นผู้แทนจริงๆก็ต้องทำงานหนัก สัปดาห์มี7 วัน พวกเราควรหาเสียงสัปดาห์ละ 14 วัน คือเพิ่มเป็นสองเท่า ผมขอให้กำลังใจผู้สมัครสส.ของพรรคทุกคน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้” นายชวนกล่าว








