วันที่ 23 ธ.ค.68 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าตนในฐานะประชาชน ติดตามข่าวกรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ หัวหน้าพรรครักชาติ ตั้งข้อสงสัยในทำนองกล่าวหา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ถ้าเป็นคนตระกูลชินวัตร กลับมาบริหารประเทศ อาจส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาชายแดนไทยกับกัมพูชาว่า นายชัยวุฒิ แท็กทีมกลุ่มคนสนิทสนม แยกตัวไปตั้งพรรคการเมืองเอง นึกว่าจะทำการเมืองสมัยใหม่ ไม่คิดว่า การจะทำให้คนสนใจ ยังวนเวียนการเมืองเดิมๆ แทนที่จะมุ่งเน้นการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์ นำเสนอนโยบาย ชูผู้สมัครสส. ไปจัดการบริหารงานของพรรคตัวเองให้ดี มาให้ความสนใจเรื่องของคนอื่น วนเวียนกับการจ้องทำลายคนอื่น พรรคอื่น หากนายชัยวุฒิ เป็นห่วงประเทศจริง ให้สมกับพรรครักชาติ ควรนำเสนอนโยบายอันเลิศหรู นโยบายสร้างสรรค์เกี่ยวกับการรักชาติในแบบของนายชัยวุฒิ ดีกว่า หยิบยกอคติทางการเมืองในอดีตมาทำให้ประชาชนหวาดระแวง
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า นายชัยวุฒิ กล่าวหามองไปไกลถึงขนาดหากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ได้เข้ามาบริหารประเทศอีก จะมั่นใจได้อย่างไรจะไม่ถูกครอบงำจากอดีตนายกฯ ทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีก ในวันนี้ผลการเลือกตั้งยังไม่ออกมา แต่ใช้คำพูดเสียดสี กระแนะกระแหน เสียดสี สร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนคล้อยตามไปแล้ว หากได้คนเพื่อไทยมาทำหน้าที่ จะไม่เกิดผลดีกับประเทศดูเหมือนจะจินตนาการไปไกลเกินกว่าข้อเท็จจริงไปมาก ไม่มีหรอกใครจะมาครอบงำ สั่งการ การบริหารทุกอย่างล้วนถูกกลั่นกรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยิ่งเป็นเรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศ ยิ่งต้องทำตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ฟังความเห็นทุกภาคส่วนก่อนจะดำเนินการใดๆออกไป ไม่มีหรอก ใครที่จะตัดสินใจอะไรออกไปแล้วทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ
“นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทย เปิดตัวออกมา ชูแนวคิด นโยบายเชิงสร้างสรรค์ครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะนายยศชนัน ไม่สนกับวาทกรรมมุ่งเน้น โจมตี ทำให้เสียหาย แม้ก่อนหน้านี้จะโดนกล่าวหาโจมตีเรื่องบุคคลในครอบครัวเรื่องของน้องสาว แต่ท่านทำหน้าที่แคนดิเดตนายกฯ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เกษตรกร ทำการเมืองแบบเดินไปข้างหน้า สร้างสรรค์ ไม่สนกับวาทกรรมโจมตี”นายพร้อมพงศ์กล่าว
อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวอีกว่า เมื่อปรากฏข่าวนายชัยวุฒิ ตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ไม่แปลกใจ ผู้คนในโลกโซเชียล ความคิดเห็น จะหันกลับมาตั้งคำถามกับนายชัยวุฒิ ถึงการใช้วิธีการเมืองเดิมๆ โจมตี พร้อมกับเสนอแนะให้แข่งขันการเมืองเชิงนโยบายสิ่งที่จะทำให้ประเทศ ประชาชน เกิดกระแสตีกลับนายชัยวุฒิ สะท้อนให้เห็นว่า ผู้คนในสังคมเบื่อหน่ายเต็มทนกับการเมืองทำการเมืองแบบนี้ เราไม่ได้ห้ามไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ ขอให้ติเพื่อก่อ นโยบายอะไรที่ไม่ดี หากมีอะไรที่แหลมคมหรือนโยบายที่ก้าวหน้ามากกว่า ควรเสนอออกมา
“ไม่อยากเห็นการทำการเมืองแบบนี้ เพราะบาดแผลอะไร เรื่องราวอะไรมีกันทุกคน ก่อนขึ้นธรรมมาสน์ ควรล้างเท้าให้สะอาดเสียก่อน จะกล่าวหาใคร ตนเองต้องบริสุทธิ์ไร้ที่ติ ขอพูดแบบกว้างๆตามหลักการ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงถึงใคร หากจะพูดถึงอดีต ขุดกันไปมา ย้อนกันไปมา จะเอาในแง่มุมไหน การบริหารงาน นโยบายหรือแม้แต่เรื่องส่วนตัว มันจะไม่จบกันง่ายๆ ขอให้แข่งกันที่นโยบาย ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์เพื่อประเทศชาติและประชาชนดีกว่า” นายพร้อมพงศ์กล่าว








