"รวมไทยสร้างชาติ" กางนโยบายเกษตร-เศรษฐกิจฐานราก "นราพัฒน์" ชูแก้ปัญหาต้นทุน-ราคาเป็นธรรม-ตั้งศาลที่ดิน พร้อมดัน โซล่าเสรี-ปุ๋ย 500 บาท หวังเกษตรกรลืมตาอ้าปาก
วันที่ 22 ธ.ค.68 เวลา 13.00 น. ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซอยอารีย์ 5 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและนโยบายชุดแรกของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยได้ประกาศให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค ลำดับที่ 2 และนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ลำดับที่ 3
นายนราพัฒน์ ในฐานะดูแลนโยบายด้านการเกษตรและเศรษฐกิจฐานราก กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาให้เกษตรกรไทยคือการจัดการกับต้นทุน และความอยุติธรรม เนื่องจากที่ผ่านมาหลายรัฐบาลไม่สามารถทำให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ เพราะปัญหาการถูกเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง พรรคจึงมุ่งเน้นการลดต้นทุนปัจจัยการผลิต ทั้งเรื่องน้ำ ปุ๋ย และที่ดิน เพื่อสร้างความเสมอภาคในการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำที่จะต้องเปลี่ยนผ่านจากการพึ่งพาระบบชลประทานที่ไม่ครอบคลุม ไปสู่การสร้างพื้นที่กักเก็บน้ำหรือแก้มลิงในทุกจังหวัด โดยการปรับเปลี่ยนงบประมาณจากส่วนกลางมาสร้างแหล่งน้ำในพื้นที่สาธารณะเพื่อให้เกษตรกรมีต้นทุนน้ำเป็นของตัวเอง
"ปัญหาของเกษตรกรหลัก ๆ มี 2 เรื่อง คือเรื่องต้นทุนกับความอยุติธรรมจากการถูกเอาเปรียบ โดยเฉพาะจากพ่อค้าคนกลาง หากเราทำให้ต้นทุนลดลงและทำให้การค้าขายเป็นไปด้วยความยุติธรรมและเสมอภาค ผมเชื่อว่าเกษตรกรจะลืมตาอ้าปากได้ ซึ่งต้นทุนที่ว่านี้ประกอบด้วย น้ำ ปุ๋ย และที่ดิน ในเรื่องน้ำนั้น ระบบโครงสร้างปัจจุบันยังไม่สามารถขยายพื้นที่ชลประทานให้ครอบคลุมได้ทั้งประเทศ ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องทุ่มงบประมาณเพื่อทำแก้มลิงในทุกจังหวัดเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ และเมื่อเรามีต้นทุนน้ำแล้ว เราจะนำระบบ 'โซล่าเสรี' มาใช้เพื่อให้การสูบน้ำกระจายไปยังพื้นที่เกษตรโดยมีต้นทุนที่ต่ำที่สุด
ส่วนเรื่องปุ๋ยซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน เรามีทรัพยากรแม่ปุ๋ยคือโพแทสเซียมอยู่ในประเทศ แต่กลับยังไม่สามารถนำมาผลิตให้คนไทยใช้ได้ ผมเชื่อว่าด้วยความเด็ดขาดในการแก้ปัญหาของพรรครวมไทยสร้างชาติ เราจะดึงโพแทสเซียมขึ้นมาผลิตเป็นแม่ปุ๋ยเอง เพื่อทำให้ราคาปุ๋ยไม่เกินกระสอบละ 500 บาท เพราะน้ำและปุ๋ยคือต้นทุนชีวิตของพี่น้องเกษตรกร"
นายนราพัฒน์ กล่าวต่อว่า นอกจากการลดต้นทุนปัจจัยผลิตแล้ว พรรครวมไทยสร้างชาติยังเล็งเห็นถึงปัญหาการทับซ้อนของที่ดินทำกินระหว่างรัฐกับประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน โดยมีข้อเสนอสำคัญจากการผลักดันของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค (อดีตผู้พิพากษา) ในการจัดตั้งศาลที่ดิน เพื่อทำหน้าที่ตัดสินข้อพิพาทเรื่องที่ดินโดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและเที่ยงธรรม เนื่องจากประชาชนบางส่วนอยู่อาศัยมาตั้งแต่บรรพบุรุษแต่กลับมีปัญหากับหน่วยงานรัฐที่ทำงานล่าช้า ศาลที่ดินจะเข้ามาบังคับให้การจัดสรรที่ดินทำกินมีความรวดเร็วขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีเอกสารสิทธิ์ในการทำกินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ในด้านการตลาดและราคาผลผลิต นายนราพัฒน์กล่าวว่า พรรคมีนโยบายเปลี่ยนบทบาทของรัฐให้เป็นที่พึ่งและเป็นคนกลางในการดูแลราคา โดยจะมีการตั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่กำหนดราคาที่เป็นธรรม ไม่ให้เกิดสถานการณ์ที่เกษตรกรขายผลผลิตขาดทุนแต่ผู้แปรรูปกลับร่ำรวย พรรคจะนำโมเดลการต่อยอดจากผลผลิตสู่ผลิตภัณฑ์มาใช้ โดยจะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเพื่อนำกำไรจากการแปรรูปคืนกลับสู่เกษตรกร รวมถึงการสร้างสถานีเกษตร เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมเครื่องจักรกลการเกษตรให้เช่ายืมในราคาถูก พร้อมมีโรงสี โรงอบ และตู้แช่แข็งในพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรสามารถแปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้าได้เอง ซึ่งจะช่วยสร้างอำนาจต่อรองกับพ่อค้าที่ต้องการสินค้าเพื่อการส่งออก
นายนราพัฒน์ได้สรุปภาพรวมเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกันว่า การลดต้นทุนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภาคเกษตร แต่หมายถึงการลดต้นทุนชีวิตและต้นทุนอาชีพของคนทั้งประเทศ ตั้งแต่ราคาน้ำมันที่ตั้งเป้าให้อยู่ที่ประมาณ 30 บาท ราคาก๊าซหุงต้มและค่าไฟฟ้าที่ถูกลง เพื่อให้ประชาชนมีเงินเหลือในกระเป๋ามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบอาชีพทุกประเภท ทั้งคนขับแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และร้านอาหาร เมื่อต้นทุนพลังงานในโรงงานถูกลง สินค้าจะมีราคาต่ำลงและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและทำให้เศรษฐกิจโดยรวมเติบโตขึ้น
"ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยผู้นำที่มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้ประเทศก้าวไปสู่ภาวะวิกฤต ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติพร้อมที่จะต่อสู้กับอุปสรรคและกลุ่มผลประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนและเกษตรกรไทยลืมตาอ้าปากได้อย่างยั่งยืน" นายนราพัฒน์ กล่าว








