การเมืองทั่วไป

"รวมไทยสร้างชาติ" เปิดนโยบายเศรษฐกิจชุดใหญ่ "อรรถวิชช์" ชู "เสรีโซลาร์-ล้างประวัติเครดิตบูโร" ปลดล็อกทุนผูกขาด พลิกโฉมประเทศไทย

แชร์ข่าว

วันที่ 22 ธ.ค.68 เวลา 13.00 น. ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซอยอารีย์ 5 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและนโยบายชุดแรกของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยได้ประกาศให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 1 นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค ลำดับที่ 2 และนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ลำดับที่ 3

นายอรรถวิชช์ ในฐานะดูแลนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรค กล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อนประเทศเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่หยั่งรากลึกมานานกว่า 2 ทศวรรษ โดยระบุว่า ปัจจุบันอัตราการเติบโตของจีดีพี (GDP) ประเทศไทยย่ำอยู่กับที่เพียงร้อยละ 1-4 มาตลอด 20 ปี เนื่องจากขาดการสร้างธุรกิจใหม่หรือ New S-Curve อย่างแท้จริง แม้ไทยจะเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญ แต่กลับประสบปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนสำคัญอย่างเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ในช่วงโควิด-19 จนการผลิตต้องหยุดชะงัก สะท้อนให้เห็นว่าห่วงโซ่อุปทานของเรายังไม่ครบวงจร ขณะเดียวกัน ธุรกิจฐานข้อมูลหรือ Data Center และระบบ Cloud ที่ควรจะเป็นหัวเจาะใหม่ทางเศรษฐกิจ กลับไม่เลือกเข้ามาลงทุนในไทยอย่างยั่งยืน เพราะเราไม่สามารถจัดหาพลังงานสะอาด 100% ให้ตามข้อกำหนดของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกได้ เนื่องจากติดข้อจำกัดด้านสัญญาสัมปทานพลังงานที่ผูกมัดยาวนานถึง 25 ปี

"ทำไมเศรษฐกิจไทยถึงยากลำบากมาแบบนี้กว่า 20 ปีแล้ว GDP ของเราย่ำอยู่ที่ 1-4% มาตลอด สาเหตุสำคัญเป็นเพราะประเทศไทยไม่มีธุรกิจใหม่ที่เรียกว่า New S-Curve เกิดขึ้นเลย ท่านเคยแปลกใจไหมว่าทำไมธุรกิจสำคัญอย่างเซมิคอนดักเตอร์ถึงอยู่แค่ในอเมริกา จีน หรือไต้หวัน แต่ไม่เข้าไทย ทั้งที่เราเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายต้นๆ ของเอเชีย แต่พอถึงช่วงโควิด รถกลับจอดนิ่งสนิทเพราะขาดชิปตัวเล็กๆ เพียงตัวเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ต้องใช้พลังงานสะอาด 100% แต่ที่ผ่านมาเราทำไม่ได้เพราะเราเกรงใจกลุ่มทุนพลังงานที่ผูกขาดสัญญามาอย่างยาวนาน"

นโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติคือเราจะไม่รอจนหมดสัมปทาน แต่จะใช้นโยบาย 'เสรีโซลาร์' เปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีความพร้อมสามารถผลิตและใช้ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาตจากใคร เพื่อให้โรงงานหรือธุรกิจ Data Center ที่ต้องการพลังงานสะอาดเข้ามาตั้งฐานในไทยได้เลย สิ่งนี้จะช่วยลดค่าไฟให้ประชาชน สร้างงานใหม่ด้านไอทีระดับโลกให้นักศึกษาจบใหม่ และสร้างความมั่นคงทางพลังงานรูปแบบใหม่ที่ไม่ต้องไปหยิบยื่นผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนใหญ่เหมือนในอดีต"

นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากเรื่องพลังงาน พรรครวมไทยสร้างชาติยังเล็งเห็นถึงอุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของภาคประชาชน โดยเตรียมเสนอแก้ไขกฎหมายเครดิตบูโรเพื่อช่วยเหลือคนทำงานกว่า 5 ล้านคน ที่ส่วนใหญ่อยู่ในวัยสร้างตัวอายุระหว่าง 22-60 ปี ซึ่งกำลังติดค้างอยู่ในระบบ นายอรรถวิชช์ชี้ว่าประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในโลก แต่กลับขาดการแข่งขันในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่มีกำไรรวมกันกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี ระบบปัจจุบันกำหนดให้ผู้ที่ปิดบัญชีหนี้เสียแล้วยังต้องรอถึง 3 ปี ประวัติจึงจะลบออก ซึ่งเป็นการแช่แข็งลูกหนี้อย่างไม่เป็นธรรม พรรคจึงเสนอนโยบายลบประวัติเครดิตบูโรทันทีในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ลูกหนี้จ่ายหนี้จบ เพื่อให้สามารถเริ่มชีวิตใหม่และเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ

นอกจากนี้ ยังรวมถึงการปฏิรูประบบราชการด้วยนโยบาย "งานไว หลายใบอนุญาต จบที่ 1 คำขอ" เพื่อลดขั้นตอนการทำธุรกิจ เช่น การเปิดร้านอาหารที่ปัจจุบันต้องขอใบอนุญาตจำนวนมากจากหลายหน่วยงาน โดยจะใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการให้สามารถยื่นเรื่องผ่านระบบเดียวแล้วใบอนุญาตจะทยอยส่งตามมา เพื่อปิดช่องโหว่การทุจริตและอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ ทั้งนี้ นายอรรถวิชช์เชื่อมั่นว่าด้วยความเด็ดขาดในการแก้ปัญหาของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ที่เคยพิสูจน์ผลงานมาแล้วจากการปรับโครงสร้างพลังงานจนลดค่าไฟฟ้าลงได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณรัฐ จะเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกโฉมประเทศไทย

ข่าวแนะนำ