เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 18 ธ.ค. 68 ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พรรคก้าวอิสระ จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 2 /2568 และเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค โดยน.ส.กชพร เวโรจน์ หัวหน้าพรรคก้าวอิสระ หรือมาดามหยก พร้อมสมาชิกพรรคเข้าร่วมประชุมรับทราบทิศทางการทำงานและนโยบายของพรรค
โดย น.ส.กชพร กล่าวว่า พรรคก้าวอิสระเป็นการรวมตัวของจิตอาสาทั่วประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้เวลาในการรวมตัวกัน
เมื่อถามถึงแนวทางการทำงานของพรรคเป็นอย่างไร น.ส.กชพร กล่าวว่า เป็นพรรคแรกและพรรคเดียวของประเทศไทยที่หลอมรวมจิตอาสา เช่นเดียวกับตนที่ทำงานจิตอาสามาเป็นปีที่ 29 และคิดว่าประเทศควรจะเปลี่ยนและเดินหน้า เราไม่อยากทำสถาบันการเมืองแบบเดิมๆ จึงปรึกษากับทีมจิตอาสามาร่วมกันทำพรรค ซึ่งทุกคนมีความเสียสละเป็นทุนเดิม จึงเกิดเป็นการทำงานแบบทำการเมืองไม่ใช่เล่นการเมือง ไม่มีการแบ่งสี แยกสี แบ่งฝ่าย
น.ส.กชพร กล่าวยอมรับว่าการส่งสส. แบบแบ่งเขตอาจไม่มีกำลังสู้พอกับพรรคการเมืองขนาดใหญ่ และไม่คิดจะสู้กับใคร เพราะต้องการเข้ามาร่วมทำงาน แต่มีหลายเขตที่เสนอตัว อย่างพื้นที่จ.เชียงใหม่ ตนอยากให้เป็นเชียงใหม่โมเดล ในการริเริ่มทำอะไรต่างๆ รวมไปถึงพื้นที่ทางภาคอีสาน โดยเฉพาะพื้นที่เขตปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตนขอคะแนนพรรค เพื่อให้เราได้เข้าไปทำงานตรงนั้น ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละนิด
เมื่อถามต่อว่า มองว่าการเป็นพรรคเล็กจะมีความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม่ น.ส.กชพร กล่าวว่า ด้วยความเป็นพรรคเล็ก เราเสียเปรียบด้วยเรื่องทุน เนื่องจากไม่มีนายทุน แต่ด้วยความเป็นจิตอาสา เราทำงานด้วยใจ อย่างการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุปะทะชายแดน
เมื่อถามอีกว่ามีแนวนโยบายเรื่องชายแดนอย่างไร น.ส.กชพร กล่าวว่า ด้วยความใกล้ชิดกับทหาร มีความรู้สึกสงสารและเห็นใจ หากมีส่วนร่วมในการบริหารประเทศ สิ่งแรกที่จะทำคือต้องเด็ดขาด แม้อาจจะไม่ถูกใจหลายคน แต่ด้วยความรู้สึกที่เห็นความสูญเสีย หากได้รับโอกาส จะสร้างรั้วทันที ไม่ต้องกลัวประชาคมโลก เมื่อเรามีอำนาจกำหนดนโยบาย หากมีอะไรเกิดขึ้นขอรับผิดชอบเอง เพื่อ ปกป้องประเทศและเพื่อรุ่นลูกรุ่นหลานของเรา
เมื่อถามถึง แคนดิเดตนายกฯของพรรคจะมีกี่คน น.ส.กชพร กล่าวต่อว่า แคนดิเดตนายกฯของพรรคก้าวอิสระมี 3 คน ได้แก่ 1.ตนเอง 2.นายชาญชัย โตพฤกษา และ 3.นายอชิรวิทย์ ทนุก้ำ ซึ่งเป็นจิตอาสาและเป็นคนธรรมดา ที่เราอยากจะนำคนเหล่านี้มาสู่การเมือง
“แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่ชอบทำงานเบื้องหน้า แต่มองว่า ในปี 2026 ประเทศต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง จึงมีความรู้สึกว่าถ้าเราไม่ออกมาคนที่ตามอยู่ข้างหลัง คงไม่กล้าที่จะออกมา จึงอยากขอให้พลังบริสุทธิ์ พลังเงียบ หากคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว เราจะไม่สามารถเริ่มอะไรใหม่ๆได้ หากปล่อยให้สิ่งไม่ดีดำเนินต่อไป สิ่งดีๆควรจะเกิดขึ้นในปีใหม่ปีหน้า”น.ส.กชพร กล่าว







