ไขข้อสงสัย! "สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ" รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนข้อตกลง MOA จัดตั้งรัฐบาล ย้ำเงื่อนไขยุบสภาและทำประชามติ รธน. ในวันเลือกตั้งถูกระบุไว้ชัดเจน การยุบสภาคือการตัดสินใจที่สร้างโอกาสให้กระบวนการแก้ไข รธน. เดินหน้าต่อ ไม่ใช่การหยุด พร้อมอ้างแนวคิดทางกฎหมายที่รองรับ
วันที่ 12 ธ.ค.2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ผิดคำข้อตกลง MOA จัดตั้งรัฐบาลว่า เมื่อพิจารณาตามเช็กลิสต์ของ MOA จะพบว่า มีการกำหนดเงื่อนไขสำคัญไว้ชัดเจน ได้แก่ การยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังการแถลงนโยบาย การจัดทำประชามติรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในกรอบวันเลือกตั้ง รวมถึงเงื่อนไขเรื่องการไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ซึ่งในส่วนนี้ไม่ได้มีการฝ่าฝืนหรือบิดพลิ้วแต่อย่างใด ขณะที่พรรคภูมิใจไทยได้ดำเนินการตามข้อตกลงครบถ้วน และยืนยันเจตนารมณ์ที่จะเดินหน้าร่วมกันจนกว่าจะเกิดเหตุปัจจัยที่อยู่นอก MOA ซึ่งก็คือประเด็นเรื่องอำนาจของสมาชิกวุฒิสภาในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า หากพิจารณารายละเอียดตามข้อเท็จจริง จะเห็นว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้บิดเบือน หรือฝ่าฝืนเงื่อนไขใดใน MOA และกระบวนการจะถือว่าสมบูรณ์เมื่อมีการจัดทำประชามติ ซึ่งศาสตราจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เปิดประเด็นทางกฎหมายไว้แล้วว่า สามารถออกแบบกระบวนการให้การทำประชามติรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นพร้อมวันเลือกตั้งได้ และแม้จะยุบสภา แต่การเปิดช่องให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อ ในชั้นของการถามความเห็นประชาชน ถือเป็นทางเลือกที่สร้างโอกาส ให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินต่อได้ หากตอนนั้น เลือกแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย แล้วเข้าไปเพื่อยุบสภาเลย กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะหยุดลงทันที แต่วันนี้ ยังมีความคืบหน้า
“เป็นไปตามข้อเรียกร้องของนายณัฐพงษ์ ที่ต้องการทั้งการยุบสภา และการทำประชามติ ซึ่งรัฐบาลตอบสนองทั้งสองประเด็น โดยให้เกียรติพรรคประชาชนในฐานะฝ่ายที่ร่วมก่อตั้งรัฐบาล แต่เมื่อเกิดความเห็นที่ไม่ตรงกัน ย่อมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในระบอบประชาธิปไตย และไม่ใช่เรื่องของถูกหรือผิด การยุบสภาถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง หากไม่ยุบสภา จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเงื่อนไขทางการเมือง การฟอร์มรัฐบาลใหม่ หรือการเกิดสุญญากาศทางอำนาจในช่วงที่ประเทศยังเผชิญปัญหาความมั่นคงชายแดน”นายสิริพงศ์ กล่าว
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า การยุบสภาทำให้ประเทศยังมีรัฐบาลรักษาการ สามารถบริหารจัดการปัญหาชายแดนและความมั่นคงได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การห้ามผูกพันงบประมาณไปยังรัฐบาลหน้า การห้ามใช้ทรัพย์สินของรัฐเพื่อประโยชน์ทางการเลือกตั้ง และการโยกย้ายบุคลากรหรือใช้งบประมาณบางส่วนต้องขออนุญาต กกต. แต่ทั้งหมดนี้ยังดีกว่าการปล่อยให้ประเทศเข้าสู่ภาวะสุญญากาศทางการเมือง








