วันที่ 10 ธันวาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเป็นพิเศษ โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้มีวาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว โดยนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ ได้รายงานผลการพิจารณาต่อที่ประชุมว่า กมธ. ได้ดำเนินการตามหลักการของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยได้ข้อสรุปสำคัญเกี่ยวกับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน ซึ่งรัฐสภาจะเป็นผู้คัดเลือกจากบัญชีรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือกตามสูตร 20 หยิบ 1 โดยกำหนดกรอบเวลาในการยกร่างให้แล้วเสร็จภายใน 360 วัน
นายณัฐวุฒิ กล่าวรายงานถึงรายละเอียดโครงสร้างการทำงานว่า กมธ. ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมที่เป็นสภาที่ปรึกษาการร่างรัฐธรรมนูญ มาเป็น กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน ซึ่งมาจากการเลือกของรัฐสภาเช่นเดียวกัน มีหน้าที่รับฟังและรวบรวมความเห็นจากประชาชนอย่างรอบด้าน โดยประสานความร่วมมือกับ สส. สว. คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานต่าง ๆ ลงพื้นที่เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการยกร่างและเผยแพร่ความคืบหน้าให้สาธารณชนรับทราบ สำหรับขั้นตอนการพิจารณานั้น เมื่อกมธ.ยกร่างฯ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นฯ ดำเนินการเสร็จสิ้นภายในกรอบ 360 วัน จะเข้าสู่กระบวนการรัฐสภาในหลักการ 2 ครั้ง 1 วาระ กล่าวคือ ครั้งแรกให้รัฐสภาอภิปรายให้ข้อเสนอแนะโดยยังไม่มีการลงมติ เพื่อส่งกลับไปปรับปรุงแก้ไข และครั้งที่สองจึงส่งกลับมาให้รัฐสภาลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ
ในส่วนของเนื้อหาสาระ กมธ. ได้ปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยยังคงหลักการสำคัญเรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว สิทธิเสรีภาพ และกลไกการตรวจสอบถ่วงดุล พร้อมทั้งเพิ่มหลักการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ที่สำคัญคือมีการบัญญัติมาตราใหม่กำหนดให้นำบทบัญญัติหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญปี 2560 มาบัญญัติไว้โดยห้ามแก้ไข นอกจากนี้ยังได้เพิ่มบทเฉพาะกาลรับรองให้การออกเสียงประชามติที่เกิดขึ้นก่อนรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขนี้มีผลบังคับใช้ ถือเป็นการออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญด้วย
นายณัฐวุฒิ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า สำหรับข้อเสนอแก้ไขรายมาตราอื่น ๆ นั้นยังไม่มีความจำเป็นในขณะนี้ เนื่องจากเป้าหมายหลักคือการมุ่งไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้น ประเด็นเรื่องพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) หรือบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับสถานภาพสมาชิกรัฐสภา จึงเป็นเรื่องของอนาคตที่จะให้กมธ.ยกร่างฯ และประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ โดยหากกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้นจริง คาดว่าจะใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่านประเทศประมาณ 2 ปีเศษ ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้มีเนื้อหาหลัก 8 มาตรา 1 หมวด และ 39 มาตราย่อย โดยกมธ.ได้แก้ไข 33 มาตรา คงไว้ 3 มาตรา ตัดออก 10 มาตรา และเพิ่มใหม่ 3 มาตรา ซึ่งต้องมีการลงมติรวมประมาณ 50 ครั้ง
ในช่วงท้าย นายณัฐวุฒิ เน้นย้ำว่า การพิจารณาในวันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันรัฐธรรมนูญ จะเป็นการเปิดประตูสู่การปลดล็อกเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยืนยันอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญของประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประเทศในมิติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปากท้อง สถานการณ์ชายแดน ภัยพิบัติ และเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของกมธ.และสมาชิกรัฐสภาทุกคน








