การเมืองทั่วไป

"จตุพร" ฝาก ฝ่าวิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ การเมืองควรหยุดทะเลาะ ร่วมมือระดมกำลังช่วยประชาชน

แชร์ข่าว

วันที่ 27 พ.ย.68 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์ ระบุว่า...

ขอทุกพรรคร่วมมือกันช่วยหาดใหญ่พ้นวิกฤตน้ำท่วมแสนสาหัส คาดกลาง ธ.ค.เริ่มเข้าภาวะปกติ ส่วนศึกซักฟอกเขื่อไม่ยื่นช่วง ธ.ค. ระบุกลางมกรา 69 เป็นเวลาเหมาะกับอารมณ์ ปชช.รับได้ แล้วยุบสภา ทุกพรรคได้ประโยชน์

เมื่อ 26 พ.ย. 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยกล่าวถึงวิกฤตน้ำท่วมภาคใต้อย่างแสนสาหัส โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จ.สงขลาว่า ส่วนสำคัญเกิดจากระบบจัดการปัญหาวิกฤตของรัฐบาลและหน่วยงานรัฐล่าช้า ไม่มีประสิทธิภาพ

อีกทั้งเตือนรัฐบาลควรเลิกพูดว่า ประชาชนไม่อพยพเอง เพราะปัญหาจะวนกลับมาที่รัฐบาลตามเดิม อย่างไรก็ตาม คนเดือดร้อนนับแสนคนไม่ได้อพยพกันง่ายๆ อีกทั้งองค์กรรัฐไม่ได้ลงพื้นที่และจัดดระบบการอพยพไปยังที่ปลอดภัยก่อนแต่เนิ่น

นอกจากนี้การบัญชาการแก้ปัญหาน้ำท่วมให้มีประสิทธิภาพและความสำเร็จนั้น ในเบื้องต้นควรช่วยเหลือประชาชนเร่งด่วนในด้านการยังชีพเฉพาะหน้ากับคนที่ติดอยู่ตามบ้านเรือน เพราะกว่าน้ำจะลดลงคงอีกนาน แม้ผู้รู้คาดน้ำจะลดลงในกลางเดือนธันวาคม แต่ประชาชนจะกลับมาใช้ชีวิตดังเดิมได้คงใช้เวลอีกนาน

นายจตุพร เรียกร้องว่า ขอให้ทุกฝ่ายควรหยุดทเลาะกันก่อน แล้วร่วมมือแก้ปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ในยามวิกฤต โดยหันมาช่วยเหลือประชาชน เพราะต้องผ่อนเบาความเดือดร้อนเฉพาะหน้านี้ก่อน

ส่วนปัญหาชายแดนนั้น ทั้งไทย-กัมพูชายังเตรียมทหารพร้อมปะทะกันเต็มที่ อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล เข้ามาเป็นนายกฯ ในระยะสั้นๆ กลับเจอปัญหาหนักๆ ทั้งสิ้น ทั้งน้ำท่วมภาคกลาง ภาคใต้ และการป้องกันอธิไตยชายแดนไทย-กัมพูชา จึงเป็นด่านท้าทายสำคัญกับอนาคตนายกฯ ต้องฝ่าฟัน

ในปัญหาการเมือง ซึ่งสภาจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญวันที่ 10-11 ธ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาแก้ไข รธน.วาระสอง ถ้าผ่านแล้วยังรอลงมติวาระสามอีก 15 วัน ดังนั้น ในช่วงรอลงมติวาระสาม จึงไม่ควรมีเรื่องการเมืองใดๆ เข้าสู่การพิจารณาของสภา

"บทเรียนของอดีตรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการแก้ รธน.นั้น ขณะรอโหวตวาระสาม ได้เอาการรายงานผลการนิรโทษกรรมเข้าสภาจนลากให้การแก้ไข รธน.ต้องล้มครืนไปด้วย"

นายจตุพร กล่าวว่า ในวาระสองการแก้ รธน. สภาผู้แทนราษฎรต้องผ่านเสียงข้างมากรายมาตรา ถ้าคณะกรรมาธิการแก้ รธน. ต้องการความสำเร็จควรรวมเสียงข้างมากกันไว้ให้มีมติผ่านโดยง่าย หากต้องการความสะใจและล้มการแก้ รธน.แล้ว คงเกิดความเสียหายตามมา

"หลักการสำคัญคือ สภาต้องการความสำเร็จหรือความสะใจ และต้องไม่ลืมว่า ขณะที่คนมีความรู้สึกทั้งเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ปัญหาสแกมเมอร์ และอุทกภัย แต่นักการเมืองยังเน้นเรื่อง รธน. ยิ่งทำให้ประชาชนเกิดอารมณ์งงงวยได้ จึงเป็นดาบสองคม ขอให้คิดกันดีๆ ซึ่งการเมืองอาจเจอปรากฎการณ์ที่คาดไม่ถึง”

ส่วนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วาางใจนั้น ถ้ายื่นในช่วงเทศกาลปีใหม่ ย่อมเป็นการเมืองของคนโง่ ดังนั้น ถ้าอภิปรายฯ ไม่ลงมติตาม ม.152 ของ รธน. ช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ แล้วกำหนดให้เข้าใกล้วันสุดท้ายเดือนมกราคมจะทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์อารมณ์ของประชาชนมากที่สุด และรัฐบาลก็พร้อมชี้แจง จากนั้นก็ยุบสภา โดยทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ร่วมกัน

“ช่วงเดือนธันวาคมนี้ โอกาสยุบสภาไม่มีแน่นอน เพราะคงไม่มีพรรคการเมืองบ้าที่ไหนไปยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตาม ม.151 เมื่อน้ำยังท่วมและชายแดนยังระอุอยู่ รวมทั้งสแกมเมอร์ยังปราบไม่ได้ ซึ่งสิ่งนี้ย่อมลากประชาธิปไตยไปสุ่มเสียงและทำให้ระบบรัฐสภาพังตามไปด้วย”

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้ายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงธันวาคม ขณะที่น้ำยังท่วมเต็มอยู่ แล้วมียุบสภา รวมทั้งปัญหาชายแดนร้อนระอุ ถ้า ผบ.ทบ. ประกาศกฎอัยการศึกทั้งประเทศ คงงามไส้การเมือง ดังนั้นการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงเดือนมกราคม แล้วเผื่อเวลาให้ สส.ย้ายพรรคและพรรคเตรียมพร้อมเลือกตั้งได้ ย่อมเกิดผลดีกับทุกฝ่ายเป็นที่สุด

ข่าวแนะนำ

แชร์ข่าว