วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ที่รัฐสภา พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก ได้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ (กมธ.ความมั่นคง) ซึ่งมีนายรังสิมันต์ โรม เป็นประธาน ในประเด็นที่ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนกรณีการปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยเฉพาะเรื่องตำรวจที่รับเงินจากเว็บพนัน พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ระบุว่า ได้ยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 เพื่อชี้แจงว่ามีตำรวจประมาณ 30-40 นาย ที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินจากเว็บพนัน ซึ่งเป็นชุดที่แยกต่างหากจากตำรวจกว่า 200 นาย ที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้ชี้มูลไปแล้ว หรืออยู่ระหว่างการดำเนินการ
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนถูกอายัดราชการแล้วไปร้อง ผบ.ตร. ก็เหมือนกับการไปแจ้งความ แต่ ผบ.ตร. กลับไม่รับแจ้งความและไม่มีการดำเนินการใดๆ เลยตลอดระยะเวลาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 จนเข้าสู่ปี 2568 การดำเนินการที่ล่าช้าเป็นปีนี้ถือเป็นเรื่องตลก โดยอ้างอิงถึงคำกล่าวของ พลตำรวจเอก เอก อังสนานนท์ ที่ยอมรับว่าเห็นเรื่องนี้จริงและมีความล่าช้าจริง แต่ได้มีการสั่งการไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ซึ่งล่าช้ากว่าที่ร้องไปราวปีเศษ
สำหรับการประชุมในวันนี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ได้นำข้อมูลเส้นทางการเงินและพยานเพิ่มเติมมามอบให้กับคณะกรรมาธิการฯ โดยกล่าวว่า ตนเตรียมข้อมูลไว้เยอะมากเพื่อจะถามผู้แทน ตร. แต่ผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็ไม่ยอมมา ซึ่งน่าเสียดาย โดยย้ำว่า เมื่อสังคมเสื่อมศรัทธาในการทำงานของตำรวจ ผบ.ตร. ยิ่งต้องทำให้องค์กรมีความโปร่งใส ไม่ควรกล่าวอ้างว่าการมาให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการจะทำให้รูปสำนวนคดีเสียหาย เพราะนั่นเป็นนิยามแบบโบราณที่ใช้หลอกชาวบ้าน วันนี้ผู้แทน ตร. ควรต้องมาทำความโปร่งใสให้ปรากฏชัดเจนต่อสาธารณะ
นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงความคืบหน้าของคดีในจังหวัดสงขลา โดยทราบว่า ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาได้ออกหมายเรียกให้สารวัตรประชิต และ ร้อยตำรวจเอกนวพล ไปรับทราบข้อกล่าวหากรณีการทำพยานหลักฐานเท็จเพื่อช่วยเหลือตัวผู้ต้องหา ร้อยตำรวจเอก นวพล คืออดีตนายเวรของผู้จัดการไซเบอร์ หรือผู้จัดการ ตร. ซึ่งจะต้องติดตามต่อไปว่า ร.ต.อ. นวพล จะอ้างน้ำท่วมแล้วไม่มารับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่ หาก ผบ.ตร. มั่นใจในความบริสุทธิ์ของนายเวร ก็ต้องให้ลูกน้องมาสู้
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ชี้ให้เห็นถึงประเด็นสองมาตรฐานที่เกิดขึ้นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเปรียบเทียบกรณีของตนที่ถูกดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว มีการค้นบ้านและมีคำสั่งไล่ออก แต่ในกรณีของพลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล กลับถูกดองเรื่องจนกระทั่งเกิน 1 ปี ทำให้ไม่สามารถตั้งกรรมการวินัยได้ และถึงแม้จะมีขั้นตอน 9 ขั้นตอนในการดำเนินการ แต่ของตนกลับถูกไล่ออกเลย โดยไม่มีขั้นตอนใดๆ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าวว่า วันนี้ตำรวจ 200,000 กว่านาย กำลังรอผู้นำที่ดี และไม่ควรปล่อยให้ตำรวจแค่ 200-300 นาย มาทำให้ตำรวจทั้งหมด 200,000 กว่าคนเสียชื่อ โดยเฉพาะตำรวจที่รับเงินจากเว็บพนัน ซึ่งมีการโอนเงินเข้าสู่บัญชีเงินเดือนกว่า 40 นาย และกว่า 200 นาย ยังคงทำหน้าที่และได้รับการแต่งตั้งตามปกติ โดยไม่มีการสั่งพักหรือสั่งให้ออกจากราชการ ซึ่งทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความยุติธรรม
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ จะมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องส่วยแต่งตั้งที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของ ผบ.ตร. และกรณีไลน์ของ ผบ.ตร. ด้วย พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ได้ตั้งคำถามถึงเรื่องส่วยแต่งตั้งว่ามีหลักฐานไลน์ของ ผบ.ตร. และภรรยาไปเกี่ยวข้อง และมีการเปิดเผยข้อมูลจากพี่น้องในภาค 4 ว่า รองสารวัตรที่ขึ้นสารวัตรปีที่แล้ว หลายคนต้องกู้สหกรณ์นับล้านบาทเพื่อซื้อตำแหน่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีควรต้องไปตรวจสอบ
นอกจากประเด็นภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยังได้วิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน) ในภาวะวิกฤตน้ำท่วมที่หาดใหญ่ โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีบริหารภาวะวิกฤตไม่เป็น เพราะในฐานะที่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นทางหลักในการแก้ไขปัญหา ท่านควรนั่งบัญชาการอยู่ที่กรุงเทพฯ และเรียกทุกหน่วยงาน เช่น เจ้าของโดรน 1,000 ลำ หรือเจ็ตสกี 1,000 ลำ มาพบอธิบดีกรมบรรเทาสาธารณภัย เพื่อจัดสรรค่าใช้จ่าย ค่าอาหาร และที่พัก ให้แก่ผู้ที่ต้องการเข้ามาช่วยเหลือ การที่นายกฯ ลงพื้นที่แบบจุดๆ และทำได้แค่แจกของ ไม่ใช่วิธีการบริหารงานที่ถูกต้องในภาวะวิกฤตที่ต้องการการประสานงานจากศูนย์กลาง และการประกาศภาวะฉุกเฉินเฉพาะแค่หาดใหญ่ ในขณะที่ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ยังคงมีปัญหาอยู่ ก็แสดงให้เห็นว่าท่านทำงานไม่เป็น
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงปัญหาการแต่งตั้งข้าราชการนอกวาระของนายกรัฐมนตรี ซึ่งส่งผลเสียต่อการทำงาน ตัวอย่างเช่น ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่ว่างลง รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาที่ถูกย้ายนอกวาระ ทำให้ผู้ว่าฯ คนใหม่มาไม่ถึง 1 เดือนและยังหลงทาง ไม่สามารถสั่งการได้อย่างถูกต้อง การกระทำเหล่านี้อาจทำให้นายกฯ ได้เรื่องการคุมเสียง แต่ไม่ได้ใจประชาชน ซึ่งสุดท้ายแล้วประชาชนจะเป็นผู้เลือก พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ย้ำว่า ตราบใดที่ ตร. ไม่ทำเรื่องให้โปร่งใส ประชาชนก็จะไม่ศรัทธา








