เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 25 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศปกฉ.) แถลงเปิด ศปกฉ. ว่า วันนี้รัฐบาลได้ประกาศพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นผู้บริหารสถานการณ์ในพื้นที่ ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล ได้จัดตั้ง ศปกฉ. มีตนเป็นผู้อำนวยการ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกฯ เป็นเลขาธิการ ศปกฉ. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ และ พล.ท.วันชนะ สวัสดี โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นโฆษก ศปกฉ. ศูนย์นี้จะบูรณาการหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อรวบรวมรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนในเขตพื้นที่ ผ่านหมายเลข 1784 และ 1111 รวมถึงเพจข่าวสารต่างๆ เพื่อนำมาคัดกรองกัน สำหรับการช่วยเหลือจะแบ่งเป็นเคสสีแดง ซึ่งต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน ผู้ที่อยู่ในที่อันตรายขั้นรุนแรงและวิกฤติ เคสสีเหลืองสำหรับผู้ที่ติดอาศัยอยู่ในบ้านเรือนสองชั้น แต่ขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม และทรัพยากร โดยจะประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าที่มี ผบ.ทสส. เป็นผู้บัญชาการหน้างานดำเนินงานช่วยเหลือต่อไป
นายภราดร กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานรัฐอยู่ในพื้นที่ทั้งหมดแล้ว เหล่าทัพต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือประชาชนในเรื่องการอพยพและลำเลียงสิ่งของจำเป็นให้ผู้ที่อยู่ด้านใน โดย ผบ.ทสส.จะเป็นผู้บริหารหน้างาน และประสานกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อรวบรวมและสอบถามความต้องการของแต่ละจุดว่าต้องการแบบไหน และจะบริหารจัดการหน้างาน ส่งมาเร็วที่มีทั้งเรือและรถเข้าไปช่วยเหลือประชาชน จุดไหนที่เรือเข้าไม่ได้ก็จะใช้เฮลิคอปเตอร์เพื่อนำอาหารและสิ่งของจำเป็นเข้าไปดูแลได้มากที่สุด ส่วนโรงพยาบาล ทางนายกฯได้มีคำสั่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินการอย่างไรก็ได้เพื่อให้โรงพยาบาลไม่ขาดไฟฟ้า พยายามดูแลชีวิตของผู้ป่วยให้ดีที่สุด หากเคสไหนไม่สามารถที่จะดำเนินการอยู่ที่โรงพยาบาลได้ โดย ผบ.ทสส.จะเป็นผู้ตัดสินใจดำเนินการรับผู้ป่วยออกมาเป็นเคสๆไป
ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษก ศปกฉ. แถลงว่า หลังจากที่ทราบข่าวว่ามีศูนย์นี้ก็อาจจะมีข้อกังวลใจจากภาคประชาชนว่า หากมีการนำข้อมูลเหล่านี้มาคัดกรองแล้ว อาจจะทำให้เกิดความล่าช้าหรือไม่ ต้องเรียนว่าในการดำเนินการในส่วนของพื้นที่ก็มีการปฏิบัติการแบบภาคพื้น แบ่งเป็น หมู่บ้าน ตำบล จังหวัด แต่สิ่งที่เราพบคือ ข้อมูลมาจากหลากหลายช่องทาง ทั้งช่องทางที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ แต่ที่สุดแล้วคือการรวบรวมข้อมูลเพื่อคัดกรอง จัดเรียงไม่ให้เกิดความสับสน โดยจะแบ่งเป็นสีเขียว สีเหลือง สีแดง รวมถึงการให้ความร่วมมือการคนที่จะมาเป็นจิตอาสาที่จะมีเข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งถ้าไม่มีการจัดการ ก็จะกลายเป็นว่าทรัพยากรทุกที่จะลงไปในพื้นที่ตามโซเชียลมีเดียและตามแหล่งข่าวเท่านั้น ดังนั้นเราจึงให้มีศูนย์นี้เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่หลังบ้านว่า จะสามารถกระจายลงไปได้อย่างไร
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า หลังจากที่น้ำลดลงแล้ว ศูนย์นี้จะมีหน้าที่บริหารจัดการทรัพยากรข้อมูลในกรณีที่มีการช่วยเหลือจากในพื้นที่ต่างๆ ว่าศูนย์ไหนยังขาดแคลนอะไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ว่า บางศูนย์มีของช่วยเหลือจนล้น หรือบางศูนย์ไม่มีอะไรเลย ดังนั้นศูนย์นี้จะทำงานหลังบ้านในเรื่องข้อมูล และจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการช่วยเหลือ หน้างานแต่อย่างใด แต่กลับจะทำให้การบริหารงานของหน้างานตรงประเด็นและรวดเร็วยิ่งขึ้น








