วันที่ 25 พ.ย. 68 นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในพื้นที่ภาคกลาง หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงมาตรการการเตรียมพร้อมรับมือฝุ่น PM2.5 ในทุกมิติ พร้อมกำชับทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพ ใช้กลไกในระดับท้องถิ่น - ท้องที่ ในการดำเนินการ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าฝุ่น PM2.5 ได้จริง โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง พร้อมทั้งนายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้บริหาร ปภ. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 1 อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) สูงเกินค่ามาตรฐานเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงประมาณช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี พื้นที่ภาคกลางมักพบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน ทำให้ประชาชนเจ็บป่วยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รัฐบาล นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ห่วงใยสุขภาพประชาชน และมีความมุ่งมั่นตั้งใจแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างจริงจัง เพื่อลดผลกระทบที่มีต่อสุขภาพของประชาชน จึงได้มีการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางในการบูรณาการแก้ไขปัญหาให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม จำนวนค่าฝุ่น PM2.5 ลดลง และประชาชนเจ็บป่วยจากคุณภาพอากาศต่ำกว่าเกณฑ์น้อยลง
“จากข้อมูลสถิติในห้วงที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่าสาเหตุการเกิดฝุ่น PM2.5 ส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคกลางมาจากการเผา จึงจำเป็นต้องมีการควบคุมการเผาและการลดมลพิษอย่างเข้มข้น ทั้งในส่วนของการเผาในพื้นที่ป่า พื้นที่อุทยาน และพื้นที่การเกษตร ซึ่งหากเป็นไปได้ อยากให้ทุกหน่วยงานร่วมกันสร้าง “วัฒนธรรมการไม่เผา” เพื่อห้ามไม่ให้มีการเผาในพื้นที่ในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งจะช่วยลดค่าฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมาก ทั้งนี้ จะต้องไม่ลืมการลดมลพิษในเขตชุมชนเมืองที่มาจากรถควันดำที่จะต้องมีการตรวจจับและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงการลดการปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่จะต้องมีการควบคุมการปล่อยมลพิษ โดยจะต้องมีการดำเนินการเชิงรุก ตรวจสอบและดำเนินมาตรการตามกฎหมายทันทีโดยไม่ต้องรอให้มีการร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแส ตลอดจนการลดฝุ่นละอองจากการก่อสร้างที่ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการหรือโครงการก่อสร้างอย่างจริงจัง โดยทุกหน่วยงานต้องเน้นย้ำหน่วยงานในสังกัดทุกระดับให้ดำเนินการตามมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเคร่งครัด และต้องบูรณาการร่วมกันทำงานทั้งในระดับส่วนกลางและระดับพื้นที่อย่างเป็นเอกภาพ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม“ นายศักดิ์ดา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว
ขณะที่นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเสริมว่า จากประสบการณ์การทำงานในระดับพื้นที่ การใช้กลไกท้องถิ่น ท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ จังหวัดอาจใช้กลไกนี้ในการเฝ้าระวังติดตาม บูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข ทำการเคาะประตูบ้าน พูดคุยทำความเข้าใจกับประชาชน รวมถึงป้องปรามการลักลอบเผาในพื้นที่ด้วยการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนถึงสถานการณ์ ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม มาตรการ ข้อกฎหมาย และบทลงโทษกรณีการฝ่าฝืน
ด้านนายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ ทำให้เห็นว่าหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมการขนส่งทางบก กรมโยธาธิการและผังเมือง หรือแม้แต่จังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง ได้มีการศึกษาข้อมูล สรุปการดำเนินงานในห้วงที่ผ่านมา และวางแผนรับมือสถานการณ์ในปีนี้ ซึ่งหลายภาคส่วนได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในฐานะฝ่ายเลขานุการ ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 และขอให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามมาตรการอย่างเต็มกำลัง เพื่อลดค่าฝุ่น PM2.5 ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และลดผลกระทบที่มีต่อสุขภาพของประชาชน
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะติดตามสถานการณ์ฝุ่นอย่างต่อเนื่อง พร้อมรายงานให้ประชาชนทราบผ่านช่องทางการสื่อสารของหน่วยงานเป็นระยะ โดยหากค่าเฉลี่ยฝุ่น PM2.5 24 ชั่วโมง มีค่าเกิน 75.1 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร หรืออยู่ในระดับสีแดงที่มีมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะส่งข้อความแจ้งเตือนภัยผ่านสัญญาณโทรศัพท์มือถือ (Cell Broadcast) ให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทันที
#ปภ #ข่าว #ไฟป่า #หมอกควัน #ฝุ่นละออง
#ฝุ่นละอองขนาดเล็ก #PM2.5








